นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการด้านการพัฒนาการเกษตร ในจังหวัดขอนแก่น

ข่าวทั่วไป Wednesday June 21, 2017 15:08 —สำนักโฆษก

โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีหนี้สินลดลง

วันนี้ (21 มิถุนายน 2560) เวลา 14.10 น. ณ สหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด จังหวัดขอนแก่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ รับฟังรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล พร้อมกล่าวปราศรัยพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ข้าราชการ และประชาชนให้การต้อนรับ

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวรายงานการติดตามงานนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดขอนแก่นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีหนี้สินลดลง และมีความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกร ซึ่งแนวทางสำคัญคือลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และยกมาตรฐานคุณภาพสินค้าเกษตรให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตรหรือนโยบายยกกระดาษ A 4 โดยได้ให้ส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เช่น ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรหรือ ศพก. การส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ Zoning by Agri-Map การยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร การส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ระบบส่งน้ำและกระจายน้ำ รวมทั้งการพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้มีความเข้มแข็ง โดยขับเคลื่อนด้วยการนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม องค์ความรู้ที่เหมาะสม มาขับเคลื่อนงานตามนโยบาย

โดยจังหวัดขอนแก่น ได้นำเอานโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตร ผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบเบ็ดเสร็จ ดังนี้

1. ผลการดำเนินการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดขอนแก่น ได้ดำเนินการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 145 แปลง ในพื้นที่ 138,420.50 ไร่ จำนวนเกษตรกร 15,987 ราย แยกเป็นสินค้า 13 ประเภท ได้แก่ ข้าว พืชผัก ไม้ผล มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ไม้ดอกไม้ประดับจิ้งหรีด ปลานิล โคเนื้อ โคนม แปลงหญ้า

2. ผลการดำเนินงานตามนโยบายการยกระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์ ของสหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิก 180 คน โคนมจำนวน 8,830 ตัว ปริมาณน้ำนมดิบ 43 ตันต่อวัน

3. ผลการดำเนินงานด้านการสร้างความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรรมโดยการสร้าง Young Smart Farmer จังหวัดขอนแก่นได้สนับสนุนให้มีเกษตรกรรุ่นใหม่หรือYoung Smart Farmer จำนวน 90 ราย ที่จะสืบสานอาชีพของครอบครัว ที่ได้นำองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิตสินค้าเกษตรกรมาใช้ในการพัฒนาการประกอบอาชีพ ซึ่งสอดรับกับแนวทาง Thailand 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิตให้เป็นการทำการเกษตรที่มีความแม่นยำ

4. ด้านนโยบายอื่น ๆ การพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนในการทำการเกษตรในจังหวัดขอนแก่น มีเขื่อนกักน้ำขนาดใหญ่ เขื่อนอุบลรัตน์ และมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 14 แห่ง มีพื้นที่ ในเขตชลประทาน 448,165 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.62 ของพื้นที่การเกษตร ในส่วนของการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่แปลงใหญ่ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 2 โครงการ ในปี 2560 จำนวน 3 โครงการ และในปี 2561 จำนวน 1 โครงการ ซึ่งจะเกษตรกรจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 12,922 ไร่

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบ โรงรวบรวมน้ำนมดิบ โรงผลิตอาหารสัตว์ และมอบเงินให้ธนาคารสินค้าเกษตร (โคนมทดแทนฝูง) พร้อมมอบเงินโครงการยางพาราปูพื้นโรงเลี้ยงโคนม และมอบเครื่องมือตรวจสารอัลฟาท็อกซินในน้ำนม ให้กับสหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) จำนวน 5 แปลง ให้กับเกษตรกร

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวพบปะเกษตรกรที่มาให้การต้อนรับ ตอนหนึ่งว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบปะพี่ชองชาวเกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนที่มาให้การต้อนรับ จากรายงานการประชุมหน่วยงานราชการต่างๆ มีการปรับตัวมากพอสมควร ซึ่งผลมาจากรายได้ของพี่น้องประชาชนไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงเข้ามาช่วยเหลือในโครงการต่างๆ ลงไปในพื้นที่มากมาย โดยได้ลำดับความสำคัญอะไรเร่งด่วนก่อนหรือหลัง อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำเรื่องการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องเรียนรู้ระบบต่างๆของ Smart Farm เพื่อเดินหน้าไปสู่ Thailand 4.0 เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้า ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงสร้างประเทศที่พัฒนาในหลายๆ ส่วนด้วยกัน เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเราเอง

นายกรัฐมนตรีได้แนะแนวทางการทำเกษตรแปลงใหญ่ ว่า หากมีพื้นที่ปลูกข้าวเยอะให้ลองแบ่งเป็นปลูกข้าวอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่า แล้วนำมาเปรียบเทียบว่าราคาต่างกันอย่างไร สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ไหม หรือการนำข้าวมาแปรรูปเป็นเครื่องสำอางชนิดต่างๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างยิ่ง โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ดำริการจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งสามารถยืนได้ด้วยตนเอง โดยการตลาดต้องสอดคล้องกับ Demand Supply (ความต้องการและการผลิต) เรียกว่าเป็นการเดินตามศาสตร์พระราชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประเทศจะพัฒนาได้เกิดจากการร่วมมือกันทุกภาคส่วน และเกิดจากความร่วมมือของประชาทุกในทุกระดับ และนายกรัฐมนตรีได้ฝากคำถาม 4 ข้อ ที่ได้ถามไว้ก่อนหน้านี้ และอยากให้ทุกคมร่วมแสดงความคิดเห็น ตอนท้ายของการกล่าวปราศรัยนายกรัฐมนตรี ได้รณรงค์การลดใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวัน เพื่อลดปริมาณขยะ ซึ่งส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง รวมถึงแม่น้ำอีกด้วย ก่อนกล่าวทิ่งท้ายว่ารัฐบาลมีนโยบายทำให้ทุกพื้นที่ในประเทศมีความเท่าเทียมกัน และสร้างความเชื่อมโยงทุกภาคส่วนก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความสุขต่อไป

**********************************************

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ