รอง นรม.นายสมคิดฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเรื่องการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ พร้อมให้หน่วยงานรัฐเร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจ หวังเพิ่มอันดับ Doing Business

ข่าวทั่วไป Wednesday February 14, 2018 15:32 —สำนักโฆษก

รอง นรม.นายสมคิดฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเรื่องการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ พร้อมให้หน่วยงานรัฐเร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจ หวังเพิ่มอันดับ Doing Business

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 13.50 น. ณ ห้องกมลทิพย์ 3 โรงแรม เดอะ สุโกศล ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเรื่องการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ หน่วยงานรัฐเร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจ

โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เดินหน้าประชุมชี้แจงและสร้างการรับรู้ในการดำเนินการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจ มุ่งส่งเสริมการใช้ e-Services ที่ภาครัฐพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยให้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง

โอกาสนี้ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. เปิดเผยว่า จากรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก หรือ Doing Business 2018 ประเทศไทยขยับอันดับจาก 46 เป็นอันดับที่ 26 จาก 190 ประเทศ ดีขึ้นจากปีก่อนถึง 20 อันดับ และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน ที่สำคัญคือ เป็นหนึ่งในสิบประเทศที่มีการปฏิรูปมากที่สุด โดยภายในปี พ.ศ. 2564 รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่า ประเทศไทยจะมีผลการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งความสำเร็จนี้มาจากความร่วมมือกันของส่วนราชการในการดำเนินการปรับปรุงบริการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ตัวชี้วัดของธนาคารโลกเป็นแนวปฏิบัติ ประกอบกับการทำงานอย่างใกล้ชิดและได้รับข้อเสนอแนะการดำเนินการและตัวอย่างแนวปฏิบัติของนานาประเทศ ของผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก ทำให้การปรับปรุงบริการมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งผลงานที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การปลดล็อกข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เป็นพื้นฐานของการปรับระบบงาน และการพัฒนาระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) มากขึ้น

??ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบธุรกิจ ที่ร่วมกันปรับปรุงกระบวนงานการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจทั้ง 10 ด้านให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการประชุมวันนี้ ถือเป็นการชี้แจงและสร้างการรับรู้รับทราบความก้าวหน้าและความตั้งใจจริงในการปรับปรุงกระบวนงานการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ให้แก่ภาคธุรกิจเอกชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการตอบแบบสอบถามในการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ ผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ด้านบัญชี และตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้า ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการประชุมฯ ว่า ประเทศไทยในยุคปัจจุบันได้มีการพัฒนาในด้านต่าง ๆ มากมาย อาทิ ด้านกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยได้มีการแก้ไขกฎหมายของทางราชการเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และทาง World Bank ก็ได้ยกระดับประเทศไทยว่ามีความทันสมัยในการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้หลังจากที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนในประเทศไทยได้มีการพัฒนาครบแล้ว ก็จะทำให้ชาวต่างประเทศสนใจมาลงทุนประเทศไทยมากยิ่งขึ้นและผลจากการที่รองนายกรัฐมนตรี ได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ปรากฏว่ามีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจมารับฟังกันเป็นอย่างมาก พร้อมสนใจการลงทุนที่ประเทศไทยจำนวนมากจากเดิมที่ผ่านมาจำนวนแค่ 200-300 คน แต่ปัจจุบันเกือบ 1000 คน

ซึ่ง การแก้ไขข้อกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักลงทุนชาวต่างประเทศ พร้อมกันนี้รัฐบาลไทยได้พัฒนากฎหมายกลางที่ครอบคลุมตามแผนพัฒนาของ EEC ใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง "เพื่อพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยการทำให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจและพื้นที่ จะนำไปสู่การสร้างฐานสะสมการลงทุนและเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทยและคนไทยต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-356-9999 ต่อ 8846 , 8890

?????..............................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ