รมต.นร.กอบศักดิ์ฯ ร่วมการเสวนา เรื่อง “นโยบายเพื่อการขับเคลื่อนการยกระดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย”

ข่าวทั่วไป Thursday February 15, 2018 15:34 —สำนักโฆษก

รมต.นร.กอบศักดิ์ฯ ร่วมการเสวนา เรื่อง “นโยบายเพื่อการขับเคลื่อนการยกระดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย”

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 14.30น. ณ ห้องกมลทิพย์ 3 โรงแรม เดอะ สุโกศล ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมการเสวนา เรื่อง “นโยบายเพื่อการขับเคลื่อนการยกระดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุร กิจของประเทศไทย” ในการประชุมเรื่องการยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยมีผู้เข้าร่วมฟังประกอบด้วยนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศพร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกว่า 300 คน

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวประเทศด้วยการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้การบริการของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีสาระสำคัญคือ

1.เน้นความโปร่งใสชัดเจน พร้อมรับรู้ขั้นตอนวิธีการ ระบุเวลา เอกสารประกอบ แบบฟอร์ม ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย

2.เน้นความสะดวกรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารทันที หากไม่ครบต้องแจ้งให้ทราบและขอเพิ่มทันที

3.เน้นความถูกต้องและตรงเวลา เจ้าหน้าที่รับบริการตรงตามเวลาที่ให้สัญญาหากไม่แล้วเสร็จต้องได้รับการแจ้งเหตุผลที่ล่าช้าทุกๆ 7 วัน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการปรับปรุงกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนส่งผลให้ประหยัดงบประมาณนับแสนล้านบาท

ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนากฎหมายที่อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการครอบคลุมทุกมิติแล้ว ทำให้เวิลด์แบงก์จัดอันดับประเทศไทยเป็นประเทศ ที่น่าลงทุนในอันดับต้น ๆ และจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อันดับของประเทศไทยดียิ่งขึ้นต่อไป ส่งผลให้เศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศโดยรวมขับเลื่อนไปในทิศทางที่ส่งผลดีต่อประชาชน มีการกระจายรายได้สู่ชุมชนทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ภาครัฐได้เร่งพัฒนาคุณภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการใช้ระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) ที่ให้บริการอยู่ให้มากขึ้น ซึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่

ด้านเริ่มต้นธุรกิจ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้พัฒนาระบบการจดทะเบียนนิติบุคคล ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) และระบบ e-Filing นอกจากนี้ ยังบูรณาการกระบวนการจองชื่อกับการจดทะเบียน พร้อมพัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่างระบบการจองชื่อนิติบุคคลกับระบบจดทะเบียนนิติบุคคลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านจดทะเบียนทรัพย์สิน ที่กรมที่ดินได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น LandsMaps ให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินได้อย่างสะดวก ทั้งรูปแปลงที่ดิน ตำแหน่งและสภาพพื้นที่ ราคาประเมิน ค่าธรรมเนียม ภาษีอากร ค่าใช้จ่ายในการรังวัด คิวรังวัด รวมทั้งข้อมูลการเดินทางไปยังสำนักงานที่ดิน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เลขที่โฉนดแล้ว

ด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่กรมศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือเอกชนร่วมกันพัฒนา NSW ใบกำกับการขนย้ายสินค้า และยังพัฒนาการให้บริการพิธีการศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับของถ่ายลำและการขนส่งต่อเนื่องเปลี่ยนยานพาหนะ (e-Transition) รวมทั้ง พัฒนาระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ด้วย

ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ที่ศาลยุติธรรมใช้ระบบ e-Filing เพื่อให้บริการประชาชนในการยื่นคำคู่ความผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยศาลที่นำร่องเปิดให้บริการในขณะนี้ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ในคดีซื้อขาย เช่าทรัพย์ จำนอง จำนำ ค้ำประกัน กู้ยืมเงิน เช่าซื้อ และบัตรเครดิต

ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย ที่กรมบังคับคดีนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการทำงาน ได้แก่ระบบ e-Filing และ e-Payment ระบบ e-Insolvency Case Management System มาเริ่มใช้กับการทำงานในสำนวนกลางไม่มีทรัพย์โฆษณาคำสั่ง คำพิพากษา และประกาศต่าง ๆ รวมทั้งแอพพลิเคชั่น LED ABC (Application Bankruptcy Checking) เพื่อตรวจสอบบุคคลล้มละลาย

??การพัฒนาในระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อผลักดันการดำเนินการตามข้อเสนอของธนาคารโลกในระยะกลางและระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นจะเร่งเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและภาคเอกชนใช้ระบบ e-Services ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกในการรับบริการ เช่น จดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เป็นต้น

??นอกจากนี้ ยังได้จัดทำเว็บไซต์ Ease of Doing Business Thailand.info เว็บไซต์กลาง สำหรับการสื่อสารให้ข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จครบวงจรเกี่ยวกับการปฏิรูปงานบริการภาครัฐและการจัดอันดับ

ความยาก – ง่ายในการประกอบธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2561 นี้

..............................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ