สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เข้าพบพลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Thursday May 10, 2018 15:22 —สำนักโฆษก

รองนายกรัฐมนตรี หารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติร่วมกันในการพัฒนาระบบการตรวจเอกสารแจ้งเข้า-ออกเรือประมงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในพื้นที่ และไม่ขัดกับข้อกฎหมาย

วันนี้ (9 พ.ค 61) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นำคณะผู้บริหารสมาคมเข้าพบ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติร่วมกันในการพัฒนาระบบการตรวจเอกสารแจ้งเข้า-ออกเรือประมงเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในพื้นที่ และไม่ขัดกับข้อกฎหมาย ซึ่งมีเอกสารทั้งหมด 17 รายการแต่พบว่า มีจำนวน 10 รายการที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ PIPO สามารถสืบค้นได้จากระบบฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้ทันที เช่น ทะเบียนลูกจ้าง บัญชีคนประจำเรือใบ รายงานตัวลูกจ้าง สัญญาจ้างแรงงาน ทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ เป็นต้น แต่ยังให้คงเอกสารตรวจเรือประมงที่ ชาวประมงต้องสำแดงจำนวน 7 รายการ ได้แก่ บัญชีรายชื่อคนประจำเรือ (Seabook) สมุดบันทึกการทำประมง (Logbook) ใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การจ่ายค่าจ้าง ดังนั้น การปรับลด ขั้นตอนการแสดงเอกสารดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาปรับปรุงระบบการตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลฐานของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการปรับระบบการตรวจเอกสารเข้า-ออกเรือประมงของศูนย์รับแจ้งเข้า-ออกการทำประมง (PIPO) จะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายพิจารณาในวันที่ 16 พ.ค.นี้ เพื่อให้มีผลปฏิบัติทันทีตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระและอำนวยความสะดวกให้กับชาวประมงซึ่งรองนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่ามาตรการนี้จะทำให้ชาวประมงที่ปฏิบัติตามระเบียบจะได้รับความสะดวก และ เจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้โดยตรงมากยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงการกำกับดูแลการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2559 มีการพัฒนาระบบ การควบคุมการประมงและแรงงานดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

สำหรับข้อเสนอของทางสมาคมฯ ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการรับซื้อเรือคืนซึ่งปัจจุบันมีเรือประมงที่ไม่มีใบอนุญาตถูกล็อกอยู่ที่ท่าจำนวน 766 ลำ มีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่นั้น ที่รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่าและกรมประมงเร่งรัดติดตามเรือประมงที่ยังไม่ทราบสถานะที่ชัดเจนให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน เพื่อให้ได้จำนวนเรือที่แน่นอนที่ในการใช้มาตรการบริหารจัดการ เช่น การควบรวมเรือ การแลกเปลี่ยนเรือ และ การซื้อเรือคืน เพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงความต้องการของชาวประมงที่เป็นเจ้าของเรือแต่ละประเภท โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาดำเนินการต่อไป

......................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ