สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2561

ข่าวทั่วไป Friday June 8, 2018 15:24 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2561 เวลา 20.15 น. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

เนื่องในโอกาสวันอานันทมหิดล (9 มิ.ย. 61) ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ผู้ทรงให้กำเนิดวงการแพทยศาสตร์ ซึ่งให้กำเนิด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย โดยทรงมีพระราชปรารภให้มีการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ปัจจุบัน นโยบายด้านการแพทย์ ได้มีการต่อยอดขยายผล พร้อมทั้งการผลักดันมาตรการใหม่ ๆ ที่ต้องอาศัยการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนเป็นผลสำเร็จ ได้แก่ “นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (UCEP) เพื่อดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตในช่วง 72 ชั่วโมงแรก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการมีชีวิตรอด ต้องได้รับการปฐมพยาบาลทันที โดยสามารถเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ทั้งนี้มีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับบริการและรอดชีวิตจากวินาทีวิกฤติได้ กว่า 15,000 รายแล้ว ซึ่งเป็นความเสมอภาคทางสังคม พร้อมด้วยการรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ สามารถโทรปรึกษารับคำแนะนำ ได้ที่ “สายด่วน 1669” สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้น การคืนความสุขของคนในชาติ ไม่ได้ตีความ “ความสุข” แต่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ใช้อ้างอิงในวิชาการ การธุรกิจ หรือเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจต่าง ๆ เท่านั้นแต่ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต ในการดำรงชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนาตนเองและครอบครัว สำหรับการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งมีความสำคัญและต้องได้รับการแก้ไข เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ไม่เท่าเทียมกัน และเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขเป็นลำดับต้น ๆ ที่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี และถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเพื่อให้มีแรงกายและแรงใจในการประกอบอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างมั่นคง

ในปัจจุบันครัวเรือนไทยกว่า 5 ล้านครัวเรือนไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ซึ่ง 3 ล้านครัวเรือนนั้น เป็นผู้มีรายได้น้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งรัฐบาลมีทั้งมาตรการระยะสั้น ในการช่วยจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ด้อยโอกาส พร้อมกับพัฒนาสิ่งแวดล้อมในชุมชน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สำหรับมาตรการระยะยาว ได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) โดยมีเป้าหมายให้ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในปี 2579” ซึ่งมีหลักในการดำเนินการพัฒนาและสนับสนุนให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน และขับเคลื่อนนโยบายนี้ไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสการมีที่อยู่อาศัยในทุกระดับ รวมถึงจัดตั้งศูนย์บริการร่วมแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้ง การจัดสวัสดิการในชุมชนเพื่อให้เกิดการพึ่งพากันภายในและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค อีกทั้งมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมือง คือ บ้านประชารัฐริมคลองลาดพร้าว โดยที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการปลูกสร้างบ้านเรือนโดยไม่ได้รับสิทธิการเช่าที่ดินจากทางการอย่างถูกต้อง และบ้านเรือนทรุดโทรมเพราะปลูกสร้างในน้ำ ซึ่งโครงการบ้านประชารัฐ ได้ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับพี่น้องประชาชน ในการย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน แล้วรวมตัวกันเช่าที่ดินอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพี่น้องชุมชนริมคลอง พร้อมทั้งส่งเสริมการฝึกอาชีพให้กับกลุ่มแม่บ้านได้ประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ในหลายชุมชน ทั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องในชุมชนริมคลองเท่านั้น แต่จะเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อีกด้วย

สำหรับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง จากพื้นที่อาคารแฟลตดินแดงเดิมที่ทรุดโทรม และไม่ปลอดภัยแก่การอยู่อาศัย รวมถึงปรับเปลี่ยนให้มีคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยของคนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังจัดพื้นที่ร้านค้าชุมชน เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนมีรายได้ มีสุขภาพที่ดีทั้งด้านจิตใจและร่างกาย รวมทั้งมีเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีอีกด้วย ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในเมืองที่ไร้บ้าน เพื่อฟื้นฟูศักยภาพบุคคลและช่วยเหลือให้คนไร้บ้าน ได้กลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม ในพื้นที่ 3 จังหวัด ของเมืองขนาดใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และขอนแก่นตามลำดับ

อีกทั้ง มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ เพื่อขจัดอุปสรรคและสนับสนุนให้ คนพิการสามารถดำรงชีวิต และปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเป็นการบูรณาการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร รวมทั้งผู้มีรายได้น้อย ตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากโครงการที่ภาครัฐดำเนินการโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ สนับสนุนให้พี่น้องประชาชนในทุกกลุ่ม มีโอกาสได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยและยกระดับการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น ตลอดจนมีการซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ ราษฎรยากจนและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับการขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ รวมถึงการยกระดับความเป็นอยู่และสร้างภาวะแวดล้อมที่ดีให้กับลูกหลานของทุกคนอย่างยั่งยืนต่อไป

ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้ร่วมแสดงความยินดีกับนายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ได้รับการพิจารณาให้เข้ารับรางวัลพระราชทาน “บันเทิงเทิดธรรม” รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปีนี้ อีกด้วย ซึ่งถือเป็นรางวัลสำคัญที่สุดของเวทีไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด จากกิจกรรมเพื่อสังคม “ก้าวคนละก้าว เพื่อ11โรงพยาบาลทั่วประเทศ” นับได้ว่าเป็นการปฏิรูปของคนบันเทิง ครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศ ตามแนวคิด “หน้าม่านคุณภาพ หลังม่านคุณธรรม” โดยมุ่งเน้นให้วงการบันเทิงให้ความสำคัญในการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคนในสังคม ทำให้คนไทยตระหนักถึงการรักสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย และการมีจิตอาสาทำความดีเพื่อส่วนรวม

…………………………………………………

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ