สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2561

ข่าวทั่วไป Saturday June 16, 2018 16:07 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2561 เวลา 20.15 น. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางการสร้างความเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานราก (จุลภาค) กับระดับประเทศ(มหภาค) ด้วยการกระจายรายได้ไปยังเศรษฐกิจฐานราก โดยต้องเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ พร้อมเพิ่มการแปรรูป การปรับใช้เทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรม รวมถึงการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้กระจายลงไปจนถึงฐานราก ทั้งนี้ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรและชุมชนในเศรษฐกิจฐานราก สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับตัว ตลอดจนการพัฒนาตนเอง เพื่อเสริมสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา (11-12 มิ.ย. 61) ของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 2 ที่จังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ในครั้งนี้นั้น เป็นแนวคิดของการนำไปประยุกต์ใช้ พร้อมกับการขับเคลื่อนของจังหวัดพิจิตร โดยยึดหลักการ “ระเบิดจากข้างใน” ตามกลไกประชารัฐและโครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและพลังของชุมชน จากการพัฒนาบึงสีไฟ ในช่วงปี 2559 นั้น ซึ่งเป็นกลไกประชารัฐ ในการช่วยแก้ไขปัญหาด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันเปิดเส้นทางน้ำ กำจัดผักตบชวา ตลอดจนแม่น้ำที่เคยแห้งขอดและอุดตัน ให้ไหลผ่านตลอดทั้งสายความยาว 127 กิโลเมตร เปิดทางน้ำให้เข้ามาเติมในบึงสีไฟได้ ทำให้เห็นความร่วมมือระหว่างองค์กรเครือข่ายภาครัฐ และภาคประชาชน เช่น จังหวัดคุณธรรม โรงเรียนผู้นำตามรอยพ่อ ชมรมผู้สูงอายุ ชมรมคนรักในหลวง ชมรมดูนกพิจิตร และกลุ่มคนพิจิตรคืนชีวิตให้บึงสีไฟ เป็นต้น

ด้านการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนายกระดับ “บึงสีไฟ” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และพันธุ์สัตว์น้ำที่สำคัญของประเทศ โดยการก่อสร้าง ปรับปรุง และพัฒนาอาคารพิพิธภัณฑ์จระเข้ รวมถึง การปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพันธุ์ปลา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ให้สมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกันนายรักกี้ สุขประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลย่านยาวได้ร่วมกับแกนนำชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งพัฒนาแม่น้ำพิจิตร ด้วยการทำความสะอาดและนำน้ำลงมาเติมให้กับแม่น้ำ อย่างต่อเนื่อง โดยการผันน้ำจากคลอง และปรับปรุงอาคารบังคับน้ำดงเศรษฐีที่กั้นระหว่างแม่น้ำน่านกับแม่น้ำพิจิตร ทำให้น้ำจากแม่น้ำน่านไหลเข้าสู่แม่น้ำพิจิตรได้เป็นครั้งแรก ในปี 2560 ก่อให้เกิดความตื่นเต้นและความหวังภายในใจประชาชนใน 4 อำเภอ 13 ตำบล เพราะสองฝั่งแม่น้ำพิจิตร เป็น “สายน้ำแห่งความหวัง” ในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำนี้ อีกด้วย นอกจากนี้ การพัฒนาแม่น้ำพิจิตร มีการก่อตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ใช้ชื่อว่า “ขุนศึกลูกพ่อปู่ กอบกู้แม่น้ำพิจิตร” อีกด้วย

          ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้สนับสนุนโครงการการฝึกอบรมการทำเกษตรผสมผสานด้วยการเน้นปริมาณผลผลิตเพื่อการค้าขาย มาเป็นแบบพึ่งพาตนเองเพื่อบริโภคในครัวเรือน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกและริเริ่มทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ รวมถึงแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนตามหลักการ “30-30-30-10” คือ นาข้าว 6 ไร่ น้ำ 6 ไร่ ไม้ผล 6 ไร่ ที่อยู่อาศัย พืชผักสวนครัว และเลี้ยงสัตว์ 2 ไร่ ตามลำดับ ทำให้มีผลผลิตเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน หรือแลกเปลี่ยนผลผลิตภายในชุมชน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า       ในการทำเกษตรกรรม โดยเน้นการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเกษตรทฤษฎีใหม่        มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ อีกทั้งมีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ส่งผลให้ประชาชนภายในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการจัดงานนิทรรศการระดับชาติ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ส่งเสริมการขาย และการเข้าถึงสินค้าทางธุรกิจ ในงาน OTOP Midyear 2018 ภายใต้แนวคิด “เอกลักษณ์จากเสน่ห์วิถีไทยนิยม” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 17 มิถุนายน 2561 นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน โดยการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตและผู้ประกอบการ ให้สามารถพัฒนา และยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน นำไปสู่การแข่งขันในตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ตลาดท้องถิ่น ตลาดภูมิภาค ตลาดต่างประเทศ และตลาดออนไลน์ รวมทั้งการซื้อขายผ่านระบบ e-Commerce ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้ก้าวเข้าสู่โมเดล “Thailand 4.0” อย่างแท้จริง

ในตอนท้ายของรายการฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง “เทศกาลการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลก 2018” ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศรัสซีย โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยต่อเด็กและเยาวชน ให้เชียร์ฟุตบอลโลกอย่างมีสติเพื่อความสนุกสนานและเพลิดเพลิน ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อนำมาพัฒนาตนเอง โดยให้ผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิดให้ห่างไกลจากอบายมุขทุกประเภท ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พร้อมให้บริการคำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 1323 เพื่อแก้ปัญหาการพนัน“ฟุตบอลโลกออนไลน์ 2018” อย่างเป็นรูปธรรม

…………………………………………………………

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ