รอง นรม.พล.อ.ประวิตรฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 5/2561

ข่าวทั่วไป Wednesday June 20, 2018 13:44 —สำนักโฆษก

รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 พร้อมที่ประชุมรับทราบการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์สุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ภายใต้แผนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ

วันนี้ (20 มิ.ย. 61) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 5/2561 สรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการจัดการที่ดินและผังเมือง ซึ่งผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล 2558 – 2561 ได้ดำเนินการแล้ว 203 พื้นที่ ครอบคลุม 63 จังหวัด โดยประชาชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่แล้ว 46,674 ราย จำนวน 329,772 ไร่

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการจัดการภัยพิบัติ และภาวะโลกร้อน ซึ่งมีมาตรการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกนำเข้าจากต่างประเทศ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศ ที่อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าสินค้า พบว่าโรงงานไม่มีระบบการจัดการที่สามารถควบคุมมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพบการสำแดงเท็จของสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบมาตรการในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ด้วยมาตรการระยะเร่งด่วน ดังนี้ 1)ระงับการอนุญาตการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ของโรงงานที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพันธกรณีอนุสัญญาบาเซล ในโควต้าที่ยังเหลืออยู่ 2) กรณีสำแดงเท็จการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษพลาสติก ให้ผลักดันให้มีการนำกลับประเทศต้นทางอย่างเคร่งครัด และดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3) กรณีขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษพลาสติกที่นำเข้าจะถูกส่งไปยังโรงงานรับกำจัดไปดำเนินการให้ถูกต้องทันที พร้อมดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการรุกลำน้ำสาธารณะ (คลองลาดพร้าว) ซึ่งสรุปความคืบหน้าการย้ายบ้านเรือน โดยมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,101 หลังคาเรือน ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพึงพอใจมากขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการปรับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีผลสำเร็จในการจ่ายเงินช่วยเหลือและรื้อย้ายชุมชนรุกล้ำลำน้ำ จำนวน 156 หลัง พร้อมดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธี e- bidding ตาม พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ตลอดจนมีการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า กรมศิลปากร พร้อมกรมเจ้าท่า เพื่อเสริมสร้างภูมิทัศน์ที่เหมาะสมให้แก่แม่น้ำเจ้าพระยา

พร้อมทั้ง ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ด้วยการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ออกตามพระราชกำหนดการประมง จำนวน 1 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงการให้เจ้าของเรือประมงถือปฏิบัติ ขณะเดียวกันกรมประมงและกรมเจ้าท่าได้ร่วมกันออกกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 3 ฉบับ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 9 พ.ค. 61 ที่ผ่านมา พร้อมรับทราบการดำเนินงานด้านการจัดการกองเรือประมง การติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวัง (MCS) การยื่นเอกสารผ่านระบบ E-PIPO ตลอดจนการตรวจสอบย้อนกลับ (Trace ability) โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ สัตว์น้ำนำเข้า เพื่อให้การประกอบธุรกิจประมงของประเทศเข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลอย่างแท้จริง

อีกทั้ง ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ด้านการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Recertification) ด้านรายงานการตรวจสอบและด้านการรักษาความปลอดภัย ให้มีความเข้มข้นและจริงจังให้เกิดการยอมรับในระดับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเมื่อ 4 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ยื่นจดทะเบียนพร้อมให้สัตยาบันพิธีสารส่วนเสริมอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 29 ในการประชุมใหญ่ประจำปีของ ILO สมัยที่ 107 ณ กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ ภายใต้อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ให้มีความเป็นมาตรฐานสากลตามหลักสิทธิมนุษยชนของนานาชาติ

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของ คณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 - 2567) ด้านการก่อสร้างและการพัฒนาโครงการ ด้านการบูรณาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งคืบหน้าเป็นที่พอใจและเป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ และพร้อมเปิดโครงการระยะที่ 1 ภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ด้วย

ตอนท้ายของการประชุม รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานฯ ได้กล่าวย้ำในที่ประชุมว่า ขอขอบคุณคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการฯ ทุกคณะที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน พร้อมแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์สุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคน อย่างจริงจังและจริงใจ ภายใต้แผนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีโครงการฟื้นฟูและการพัฒนาชุมชนดินแดง ในวันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2561 จะมีพิธีเปิดอาคารใหม่ ระยะที่ 1 โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ซึ่งเป็นโครงการที่ดีต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวชุมชนดินแดงอย่างแท้จริง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งการคมนาคมขนส่งทางอากาศโดยเครื่องบินเชิงพาณิชย์ก็สามารถปลดออกจากธงแดงทั้งหมด ทำให้มีมาตรฐานสากลในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาคมโลกในระบบการขนส่งทางอากาศผ่านเครื่องบินเชิงพาณิชย์ทุกสายการบินของประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระบบขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงคมนาคมได้ยึดมั่นในประสิทธิภาพดังกล่าวให้สม่ำเสมอและเคร่งครัดตามหลักมาตรฐานสากลต่อไป

...........................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ