นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมบอร์ดบีโอไอ เห็นชอบเพิ่มเมืองนวัตกรรมอาหารอีก 7 แห่ง พร้อมอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 4 โครงการ รวม 29,631 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday July 25, 2018 16:06 —สำนักโฆษก

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เห็นชอบเพิ่มเมืองนวัตกรรมอาหารอีก 7 แห่ง พร้อมอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 4 โครงการ รวม 29,631 ล้านบาท

วันนี้ (25 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 3/2561 (บอร์ดบีโอไอ) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ภายหลังการประชุม นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่ม “เมืองนวัตกรรมอาหาร” จำนวน 7 แห่ง เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบด้านการเกษตรด้วยการวิจัยและพัฒนาในทุกภาคของประเทศ พร้อมขยายพื้นที่ในการให้สิทธิประโยชน์แบบอีอีซีไอให้ครอบคลุมถึงการลงทุนในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างที่การพัฒนาพื้นที่อีอีซีไอยังไม่แล้วเสร็จ พร้อมทั้งเห็นชอบ ให้พื้นที่อีก 7 แห่ง ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะประกาศเป็นเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis ให้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุน นอกเหนือจากโครงการ Food Innopolis ที่ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี

สำหรับ มาตรการดังกล่าวจะทำให้กิจการที่เข้าไปลงทุนในพื้นที่อุทยานฯ ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากบีโอไอ เป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก และสนับสนุนโครงการเมืองนวัตกรรมอาหารของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) “กิจการเป้าหมาย เช่น การวิจัยพัฒนาด้านเกษตรอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การปรับปรุงพันธุ์ และบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่จะเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองนวัตกรรมอาหารทั้ง 8 แห่ง นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างน้อย 5-10 ปี ตามหลักเกณฑ์พื้นฐานของแต่ละประเภทกิจการแล้ว ยังจะได้รับสิทธิเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เช่น การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี หรือเพิ่มจำนวนปีการยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย เครือข่ายของเมืองนวัตกรรมอาหารจะกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งในส่วนกลาง เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และภูมิภาค เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์”

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเสนอให้บีโอไอขยายสิทธิประโยชน์ที่ให้กับโครงการลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ ให้ครอบคลุมการลงทุนในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างที่การพัฒนาพื้นที่อีอีซีไอยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนในการย้ายเข้าไปตั้งในอีอีซีไอโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินกิจการในเร็วๆ นี้ และช่วยเร่งให้เกิดการลงทุนในอีอีซีไอโดยเร็วเมื่อพัฒนาแล้วในปี 2565

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดเงื่อนไขว่า โครงการลงทุนที่จะยื่นขอสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้จะต้องเป็นการลงทุนในกิจการเป้าหมายสำหรับอีอีซีไอ เช่น การวิจัยและพัฒนา บริการทดสอบวิทยาศาสตร์ การผลิตระบบอัตโนมัติ และการพัฒนาซอฟต์แวร์มูลค่าเพิ่มสูง เป็นต้น และจะต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 โดยจะต้องย้ายที่ตั้งไปอยู่ในเขตอีอีซีไอ ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 และมีการพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T) ร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

พร้อมกันนี้ บีโอไอได้รายงานบอร์ดบีโอไอถึงภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 (มกราคม – มิถุนายน 2561) ซึ่งมีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 754 โครงการ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีมูลค่าเงินลงทุน 284,600 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งนี้พบว่า การขอรับส่งเสริมทั้งหมด เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวน 316 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนโครงการทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุนรวม 224,150 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 82 ของมูลค่าเงินลงทุนโดยรวม สำหรับการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี มีจำนวน 142 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 183,230 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 122 ซึ่งบีโอไอมั่นใจว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายรายจะยื่นขอรับส่งเสริมในช่วงครึ่งหลังของปี 2561

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 29,631 ล้านบาท ช่วยผลักดันการใช้วัตถุดิบในประเทศรวมมูลค่ากว่า 19,480.8 ล้านบาทต่อปี ประกอบด้วย 1.บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด 2.บริษัท นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 3.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และ 4.บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด

...........................................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

(ข้อมูลจากฝ่ายเลขานุการ BOI)

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ