นายกรัฐมนตรีพบประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน

ข่าวทั่วไป Wednesday September 19, 2018 14:41 —สำนักโฆษก

นรม. กล่าวย้ำว่าการดูแลประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม เพราะล้วนแล้วแต่เป็นคนไทย พร้อมขอให้ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญและมั่นคงในทุกด้าน

วันนี้ (18 กันยายน 2561) เวลา 14.10 น. ณ หอประชุมประกายเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้พบประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมทั้ง เป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนใน 4 พื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก หนองคาย และจังหวัดเพชรบูรณ์ และหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 พื้นที่ใน 5 จังหวัดของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้แก่ จังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ พร้อมเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ราษฎร 434 ราย จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมอบให้แก่ผู้แทนประชาชน 3 ราย จาก 3 ตำบล เพื่อแก้ปัญหาไร้ที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน รวมถึงการรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนความตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาพบปะประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และขอบคุณในความปราถนาดีที่มอบให้ ทั้งนี้ การดูแลประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม เพราะล้วนแล้วแต่เป็นคนไทย ไม่ต้องหวังว่ารัฐบาลไม่ดูแล ทุกคนต้องเดินหน้าไปด้วยกัน และจะต้องเติบโตไปพร้อมกันบนพื้นฐานความเท่าเทียม และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้ได้

พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกศตวรรษที่ 21 โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยเหลือมากขึ้น ซึ่งจะต้องทำให้โลกวันนี้เชื่อมโยงกับโลกวันข้างหน้า แต่ที่ผ่านมายังติดปัญหาเรื่องความยากจน และความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมของโอกาสในด้านต่าง ๆ ทำให้การทำงานติดขัด ส่งผลให้มีการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งทุกคนควรปลดล็อคความต้องการส่วนตัวให้กลายเป็นความต้องการส่วนรวม จะต้องไม่ทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวฝากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญและมั่นคงในทุกด้าน โดยเฉพาะภาคการเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย การท่องเที่ยว รวมถึงการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะช่วยยกระดับชุมชนของเราให้มีความโดดเด่น แตกต่าง ด้วยการดึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และนำไปสู่การดำเนินงานตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพในท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง พร้อมทั้งช่วยกันสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับชุมชน และสังคมของตนเองให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

..............................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ