พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงขอให้ทหารและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.2550) เมื่อเวลา 16.30 น. ณ พระลาน พระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) ได้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2550 โดยมีพลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารบก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก มนตรี ชมพูจันทร์ เสนาธิการทหารบก พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก เดชา อยู่พรต เสนาธิการทหารเรือ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก อิทธิพล ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม
ทั้งนี้ พลตรี ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสม นำทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฎิญาณตน
ต่อมาเวลา 17.06 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง มายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร จากนั้น พลตรี ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บังคับกองผสมได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ 8 นาย ตามเสด็จฯ
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้เสด็จฯ ขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าประจำที่หน้าพลับพลา จากนั้นพลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาทหารทุกเหล่าทัพ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ และทหารทุกหน่วยทุกเหล่าทัพ มีความปีติโสมนัสและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ได้เวียนมาบรรจบในวันที่ 5 ธันวาคม อีกวาระหนึ่ง ในศุภวาระอันเป็นมิ่งมหามงคล ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษานี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ปฏิญาณว่า "ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างเต็มกำลังความสามารถ และพร้อมใจถวายชีวิตเป็นเลือดเนื้อ เป็นราชพลี และขอกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธ และอุปัตวันตรายทั้งปวง พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาลเทอญ" ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
เมื่อกราบบังคมทูลถวายพระพรจบแล้ว ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ขึ้นไปบนพลับพลา เข้าเฝ้าทูลเกล้า ทูลกระหม่อม ถวายพานดอกไม้ ธูปเทียน แพร จากนั้นได้นำเหล่าทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตน โดยกล่าวตามผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า (เอ่ยนามตนเอง) ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ว่า ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้า จักเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจักปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกประการ” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ภายหลังเมื่อถวายคำสัตย์ปฏิญาณเสร็จ ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่งและแพรถวายพระพรทรงพระเจริญ ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด และปล่อยลูกโป่ง 8,000 ลูกภายในบริเวณสนามเสือป่า
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนาม ความว่า “ข้าพเจ้า และพระราชินี มีความยินดียิ่งนักที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ในพิธีตรวจพลสวนสนามในวันนี้ ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพรกับทั้งไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ไทยเรารักษาเอกราชและผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นมาได้ ก็เพราะเราทุกคนมีความสำนึก ตระหนักในความเป็นไทย และหน้าที่ที่จะธำรงรักษาชาติ ประเทศ ไว้ให้เป็นอิสระมั่นคง ตามประวัติกาลที่ปรากฏมา คนไทยซึ่งมีจิตใจผูกพัน ปรองดอง อันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แยกพวก แยกเหล่า มีปกติสามัคคีพร้อมเพรียงกันเสมอ และสถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้เป็นที่ทราบแก่ใจของเราทุกคนอยู่สืบแล้วว่า ไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคีก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคนทุกหมู่ทุกเหล่า ได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้น สำคัญควรที่เรารักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับทั้งอำนาจแห่งความภักดี โดยบริสุทธิ์ใจในชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทุก ๆ ท่านประสบแต่ความสุข สวัสดี และความสำเร็จสมประสงค์จงทั่วกัน"
เมื่อจบพระบรมราโชวาทแล้ว ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับ จำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาตามลำดับหน่วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยประทับรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ไปยังสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิต ผู้บังคับกองผสมพร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียงทรงพระเจริญ พร้อมกัน 3 ครั้ง โดยมีประชาชนจำนวนมากรอเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จทั้งสองข้างทางอย่างเนืองแน่น และเปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ" พร้อมกันอย่างกึกก้องต่อเนื่องยาวนาน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.2550) เมื่อเวลา 16.30 น. ณ พระลาน พระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า) ได้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2550 โดยมีพลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารบก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พลเอก มนตรี ชมพูจันทร์ เสนาธิการทหารบก พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก เดชา อยู่พรต เสนาธิการทหารเรือ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก อิทธิพล ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม
ทั้งนี้ พลตรี ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสม นำทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฎิญาณตน
ต่อมาเวลา 17.06 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง มายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร จากนั้น พลตรี ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บังคับกองผสมได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ 8 นาย ตามเสด็จฯ
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้เสด็จฯ ขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าประจำที่หน้าพลับพลา จากนั้นพลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาทหารทุกเหล่าทัพ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ และทหารทุกหน่วยทุกเหล่าทัพ มีความปีติโสมนัสและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ได้เวียนมาบรรจบในวันที่ 5 ธันวาคม อีกวาระหนึ่ง ในศุภวาระอันเป็นมิ่งมหามงคล ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษานี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ปฏิญาณว่า "ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อย่างเต็มกำลังความสามารถ และพร้อมใจถวายชีวิตเป็นเลือดเนื้อ เป็นราชพลี และขอกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธ และอุปัตวันตรายทั้งปวง พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาลเทอญ" ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
เมื่อกราบบังคมทูลถวายพระพรจบแล้ว ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ขึ้นไปบนพลับพลา เข้าเฝ้าทูลเกล้า ทูลกระหม่อม ถวายพานดอกไม้ ธูปเทียน แพร จากนั้นได้นำเหล่าทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตน โดยกล่าวตามผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า (เอ่ยนามตนเอง) ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ว่า ข้าพระพุทธเจ้า จักยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จักจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่ ข้าพระพุทธเจ้า จักเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจักปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกประการ” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ภายหลังเมื่อถวายคำสัตย์ปฏิญาณเสร็จ ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่งและแพรถวายพระพรทรงพระเจริญ ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด และปล่อยลูกโป่ง 8,000 ลูกภายในบริเวณสนามเสือป่า
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนาม ความว่า “ข้าพเจ้า และพระราชินี มีความยินดียิ่งนักที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ในพิธีตรวจพลสวนสนามในวันนี้ ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพรกับทั้งไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ไทยเรารักษาเอกราชและผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นมาได้ ก็เพราะเราทุกคนมีความสำนึก ตระหนักในความเป็นไทย และหน้าที่ที่จะธำรงรักษาชาติ ประเทศ ไว้ให้เป็นอิสระมั่นคง ตามประวัติกาลที่ปรากฏมา คนไทยซึ่งมีจิตใจผูกพัน ปรองดอง อันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แยกพวก แยกเหล่า มีปกติสามัคคีพร้อมเพรียงกันเสมอ และสถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้เป็นที่ทราบแก่ใจของเราทุกคนอยู่สืบแล้วว่า ไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคีก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคนทุกหมู่ทุกเหล่า ได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้น สำคัญควรที่เรารักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับทั้งอำนาจแห่งความภักดี โดยบริสุทธิ์ใจในชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทุก ๆ ท่านประสบแต่ความสุข สวัสดี และความสำเร็จสมประสงค์จงทั่วกัน"
เมื่อจบพระบรมราโชวาทแล้ว ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับ จำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาตามลำดับหน่วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยประทับรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ไปยังสวนจิตรลดาพระราชวังดุสิต ผู้บังคับกองผสมพร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียงทรงพระเจริญ พร้อมกัน 3 ครั้ง โดยมีประชาชนจำนวนมากรอเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จทั้งสองข้างทางอย่างเนืองแน่น และเปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ" พร้อมกันอย่างกึกก้องต่อเนื่องยาวนาน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--