นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 5/2562

ข่าวทั่วไป Monday May 27, 2019 15:42 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 5/2562

วันนี้ (จันทร์ 27 พฤษภาคม 2562) เวลา 15.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 5/2562 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมเพื่อรับทราบความคืบหน้า ขั้นตอนการดำเนินงานโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วย

ที่ประชุมรับทราบและอนุมัติตามที่นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้รายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ สกพอ. ได้ดำเนินการส่งร่างสัญญาทั้งหมด พร้อมเอกสารแนบท้ายวาระครบถ้วน ให้กับ กพอ. พิจารณาร่วมกันอีกครั้งก่อนให้ รฟท. ลงนามสัญญากับเอกชนที่ได้รับคัดเลือก โดย สกพอ. ได้มีหนังสือขอความเห็นจาก กพอ. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2562 และ ในวันที่ 24 พ.ค. 2562 กพอ. ได้ตอบกลับโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของร่างสัญญาดังกล่าว ซึ่งจะได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการร่วมลงทุน โดยคาดว่า รฟท.จะสามารถลงนามและได้เอกชนร่วมทุนประมาณเดือน มิถุนายน 2562 ทั้งนี้ เลขาธิการ สกพอ. ยังกล่าวว่า การดำเนินงานไปตามกรอบระยะเวลานี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะเป็นโครงการแรกภายใต้นโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ที่จะเริ่มก่อสร้างและอีก 5 ปี คนไทยจะได้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า การพิจารณาสัญญาโครงการต่าง ๆ ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ตามนโยบายที่ได้มีการถ่ายทอดลงไปแล้ว มีความโปร่งใส และเป็นไปตามกรอบกฎหมายทุกประการ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายด้วย ซึ่งในที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ เพื่อทำหน้าที่พิจารณาคำร้องของภาคเอกชนเพื่อให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบครอบและเป็นธรรม

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รายงานการจัดทำ Big Data ด้านสาธารณสุข ในพื้นที่ EEC โดยกลไกสังเคราะห์ Big Data Analytics เพื่อเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์การจัดสรรทรัพยากรด้านบริการสุขภาพให้เหมาะสมตรงกับความต้องการ ยกระดับการบริการสาธารณสุขในเขตพื้นที่ EEC เพื่อตอบโจทย์ด้านสาธารสุขให้ตรงกับข้อเท็จจริงและความต้องการ โดยนายกรัฐมนตรีพิจารณาว่า ข้อมูล Big Data ส่วนใหญ่เป็นข้อเท็จจริงจากหน่วยงานราชการ ทั้งนี้ การจะสังเคราะห์ Big Data นั้นขอให้มีการเก็บข้อมูลจากภาคเอกชน และความต้องการของประชาชน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้านครบด้วย นอกเหนือจากข้อมูลด้านสาธารณสุข ก็ขอให้ทุกกระทรวงไปดำเนินการ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า พลเอก เปรมฯ ได้ริเริ่มการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก หรือ Eastern seaboard ครั้งเมื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นความต่อเนื่องและต่อยอดเพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ในที่ประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้นำคณะกรรมการและผู้ร่วมประชุมยืนเพื่อแสดงความอาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษด้วย

------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ