โฆษก ศบค. เผยไทม์ไลน์การผ่อนปรนระยะที่ 2 แนะผู้ประกอบการรวมตัว เสนอมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ย้ำไทยยังคุมการเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มงวด หลังพบการติดเชื้อเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ

ข่าวทั่วไป Thursday May 7, 2020 14:25 —สำนักโฆษก

โฆษก ศบค. เผยไทม์ไลน์การผ่อนปรนระยะที่ 2 แนะผู้ประกอบการรวมตัว เสนอมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ย้ำไทยยังคุมการเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มงวด หลังพบการติดเชื้อเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ

วันนี้ (7 พ.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. ชี้แจงกรณีการผ่อนคลายให้เปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากหลายคนอยากกลับไปสู่สภาวะปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมนั้น โดยยืนยันว่า ช่วงระยะเวลาผ่อนปรนมาตรการ คือ ห้วงวันที่ 8 – 12 พ.ค. จะเปิดรับฟังความคิดเห็น วันที่ 13 พ.ค. ซักซ้อมความเข้าใจ โดยวันที่ 14 พ.ค. จะยกร่างมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 และในวันที่ 17 พ.ค. จะเริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ไม่เพียงแค่ห้างสรรพสินค้า หากผู้ประกอบการมีมาตรการที่ดี มีความพร้อม ร่วมกลุ่มกันหรือเป็นสมาคมหรือองค์กร เพื่อจัดทำมาตรการรวมถึงการตรวจสอบกันและกัน ถือเป็นการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและภาคประชาชนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น เพื่อให้สามารถผ่านมาตรการผ่อนปรนในระยะแรก และสามารถเริ่มการผ่อนปรนมาตรการในระยะ 2 ได้

โฆษก ศบค. ยังตอบข้อซักถามกรณีหลายประเทศในขณะนี้ อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เริ่มเปิดประเทศและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้ยังมีอัตราการแพร่ระบาดในประเทศสูงอยู่ อาจต้องมีการติดต่อเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทยนั้นโดยชี้แจงว่า ยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมค้ากับสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ ตั้งแต่การขออนุญาต Fit To Fly ใบรับรองแพทย์ การลงทะเบียนต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดอีกหลายประการที่มีความเข้มงวด โดยเฉพาะประเทศที่มีการติดเชื้อรุนแรง นอกจากนี้ การติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าทั้งสิ้น ฉะนั้นความเข้มงวดของระบบการตรวจคนเข้าเมืองจึงมีความสำคัญมาก และยังคงเป็นระบบที่มีความจำเป็นต้องตรึงความเข้มงวดไว้อยู่ ถ้าหากยังไม่สามารถควบคุมได้ดี จะไม่ให้มีการนำเข้าอย่างแน่นอน

ในตอนท้าย โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำงานของศบค. นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ. ศบค. ทำงานภาพรวมในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือกันของภาคส่วนราชการ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ภาคธุรกิจ คณะที่ปรึกษา ซึ่งทุกภาคส่วนล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน

................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

วันนี้ (7 พ.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. ชี้แจงกรณีการผ่อนคลายให้เปิดห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากหลายคนอยากกลับไปสู่สภาวะปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมนั้น โดยยืนยันว่า ช่วงระยะเวลาผ่อนปรนมาตรการ คือ ห้วงวันที่ 8 – 12 พ.ค. จะเปิดรับฟังความคิดเห็น วันที่ 13 พ.ค. ซักซ้อมความเข้าใจ โดยวันที่ 14 พ.ค. จะยกร่างมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 และในวันที่ 17 พ.ค. จะเริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ไม่เพียงแค่ห้างสรรพสินค้า หากผู้ประกอบการมีมาตรการที่ดี มีความพร้อม ร่วมกลุ่มกันหรือเป็นสมาคมหรือองค์กร เพื่อจัดทำมาตรการรวมถึงการตรวจสอบกันและกัน ถือเป็นการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและภาคประชาชนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น เพื่อให้สามารถผ่านมาตรการผ่อนปรนในระยะแรก และสามารถเริ่มการผ่อนปรนมาตรการในระยะ 2 ได้

โฆษก ศบค. ยังตอบข้อซักถามกรณีหลายประเทศในขณะนี้ อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เริ่มเปิดประเทศและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้ยังมีอัตราการแพร่ระบาดในประเทศสูงอยู่ อาจต้องมีการติดต่อเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทยนั้นโดยชี้แจงว่า ยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมค้ากับสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ ตั้งแต่การขออนุญาต Fit To Fly ใบรับรองแพทย์ การลงทะเบียนต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดอีกหลายประการที่มีความเข้มงวด โดยเฉพาะประเทศที่มีการติดเชื้อรุนแรง นอกจากนี้ การติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าทั้งสิ้น ฉะนั้นความเข้มงวดของระบบการตรวจคนเข้าเมืองจึงมีความสำคัญมาก และยังคงเป็นระบบที่มีความจำเป็นต้องตรึงความเข้มงวดไว้อยู่ ถ้าหากยังไม่สามารถควบคุมได้ดี จะไม่ให้มีการนำเข้าอย่างแน่นอน

ในตอนท้าย โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำงานของศบค. นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ. ศบค. ทำงานภาพรวมในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือกันของภาคส่วนราชการ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ภาคธุรกิจ คณะที่ปรึกษา ซึ่งทุกภาคส่วนล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน

................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ