โฆษก ศบค. ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเข้าสู่มาตรการระยะที่ 3 วันแรก

ข่าวทั่วไป Tuesday June 2, 2020 13:42 —สำนักโฆษก

โฆษก ศบค. ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเข้าสู่มาตรการระยะที่ 3 วันแรก

วันนี้ (2 มิถุนายน 2563) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โดย โฆษก ศบค. กล่าวถึงช่วงเวลาในขณะนี้เป็นช่วงของการผ่อนคลายระยะที่ 3 เป็นกิจการและกิจกรรม ทั้งสีเหลืองและสีแดงในบางพื้นที่ ซึ่งใน 1 วัน ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ได้ประเมินผลการดำเนินมาตรการว่ามีคะแนนดีถึงดีมาก ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

1. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในไทย

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยมีผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 3,083 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 2,966 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย และมีผู้ที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 59 ราย

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย และเข้า State Quarantine โดยเป็นชายไทย อายุ 32 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางผ่านด่านปาดังเบซาร์เข้าไทย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 และเข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดสงขลา ผลตรวจครั้งแรกวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นเริ่มมีอาการป่วย ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ด้วยอาการไข้ 37.5 องศาเซลเซียส มีน้ำมูก และได้รับการตรวจอีกครั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 พบว่ามีเชื้อ ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดสงขลา ส่งผลให้ตัวเลขรวมสะสมของผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ผ่านมาทางประเทศมาเลเซีย จำนวน 39 ราย มีผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 8 ราย คิดเป็น 20.51% หรือ 1 ใน 5 จากจำนวนทั้งหมด

สำหรับรายงานการสืบสวนโรคของผู้ที่เสียชีวิตรายที่ 58 เป็นชายไทย อายุ 80 ปี มีโรคประจำตัวเป็นหอบหืด โดยมีรายละเอียดในแต่ละช่วงเวลาทั้งก่อนและหลังการตรวจพบเชื้อ ดังนี้

เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส วันที่ 28 เมษายน 2563 เพื่อรับการผ่าตัดสะโพก ซึ่งยังไม่มีอาการเข้าได้กับนิยาม PUI ต่อมาในวันที่ 1 - 2 พฤษภาคม 2563 ได้เข้ารับการพักฟื้นที่หอผู้ป่วยพิเศษรวม และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า ซึ่งเป็นผู้ป่วยในหอผู้ป่วยเดียวกัน จึงได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจอีกครั้งและพบเชื้อ รวมทั้งมีบุตรสาว และบุตรเขยติดเชื้อจากผู้ป่วยจากการมาเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลเช่นกัน หลังจากนั้นวันที่ 9 พฤษภาคม 2563 ผู้ป่วยมีระดับออกซิเจนในกระแสเลือดลดลงเหลือร้อยละ 85 ผลการตรวจร่างกายพบว่ามีเสียงผิดปกติในปอด และสงสัยเป็นปอดอักเสบ จึงส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัส และได้รับพลาสมาเป็นระยะ จากนั้นวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 มีอาการหายใจเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ มีอาการแย่ลง เกิดภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน และเสียชีวิตในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ด้วยสาเหตุปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

กรณีดังกล่าวได้นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนโรคของแพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 26 คน ผู้ป่วยในโรงพยาบาล 3 คน ญาติผู้ป่วย 66 คน รวมทั้งหมด 95 คน ที่ได้รับการกักกันโรค ซึ่งในตอนนี้เมื่อเวลาผ่านมาประมาณ 1 เดือน พบว่าทุกรายมีอาการปกติ

ทั้งนี้ จากการเดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดิอาระเบียจำนวน 79 คน ได้รับเชื้อยืนยันทั้งสิ้น 9 คน รวมกับผู้ป่วยวันนี้ 1 คน เป็น 10 คน

2. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของโลก

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,366,197 ราย เพิ่มขึ้นภายในวันเดียว 102,296 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 3,538 ราย ทำให้ตัวเลขรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 377,437 ราย โดยสหรัฐอเมริกายังมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือ บราซิล และรัสเซีย ตามลำดับ ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันสูงสุดเป็น สหรัฐฯ บราซิล และอังกฤษ ขณะที่ประเทศทางฝั่งเอเชีย ได้แก่ อินเดียอยู่อันดับที่ 7 และปากีสถานอยู่อันดับที่ 18

ในส่วนของอันดับที่ 21-50 ยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยใหม่ในหลายประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ 2,381 ราย สิงคโปร์ 408 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 635 ราย คูเวต 719 ราย อินโดนีเซีย 467 ราย อียิปต์ 1,399 ราย และฟิลิปปินส์ 552 ราย ขณะที่ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยใหม่ 33 ราย และเกาหลีใต้ 38 ราย

โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศว่า นักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Sinovac ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนของจีน เปิดเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ทำการทดลองอยู่ในขณะนี้ มีประสิทธิภาพสูงถึง 99% โดยบริษัทฯ ได้ทำการทดลองวัคซีนระยะที่ 2 ในกลุ่มอาสาสมัคร 1,000 ราย เบื้องต้นมีการเจรจาให้มีการทดลองในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทดลองทั้งหมด นอกจากนี้ จีนกำลังก่อสร้างโรงงานเชิงพาณิชย์ในกรุงปักกิ่ง เพื่อรองรับการผลิตและกระจายวัคซีน 100 ล้านโดส ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง โดยจะนำไปรักษาในประเทศก่อน แล้วจึงส่งออกต่างประเทศ ขณะที่ฮ่องกงพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนครั้งใหม่ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเติม 2 ราย เป็นหญิงอายุ 34 ปี และสามีของเธอ ทั้งคู่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศในรอบ 14 วัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสอบสวนโรค ทั้งนี้ ถือเป็นการติดเชื้อภายในฮ่องกงครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ด้านอิหร่านผลิตชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางน้ำลาย ซึ่งมีความแม่นยำสูง และสามารถทราบผลอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 55 นาที โดยคณะนักวิจัยของบริษัทแห่งหนึ่งในอิหร่านได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอาเมียร์คาเบียร์ พัฒนาชุดทดสอบขั้นสูงที่ใช้ระบบปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบเรียลไทม์ (RT-PCR) ชุดทดสอบดังกล่าวจะจำแนกโมเลกุลของเหลวในช่องปากเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยมีความแม่นยำสูงกว่าชุดทดสอบอื่น ๆ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ สถาบันปาสเตอร์แห่งอิหร่านอนุมัติให้ใช้งานชุดทดสอบดังกล่าวแล้ว โดยอิหร่านวางแผนจะผลิตเป็นจำนวนมากภายหลังได้รับคำสั่งซื้อจากหลายประเทศ

นอกจากนี้ โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ความกังวลที่เกิดขึ้นที่ เมืองคิตะคิวชู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น โดยพบผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 9 วัน รวม 97 ราย ในจำนวนนี้มี 34 ราย ที่ไม่สามารถสืบหาที่มาได้ โดยมีนักเรียนอนุบาล 5 ราย ซึ่งอยู่ห้องเดียวในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ติดเชื้อ และนักเรียนติดเชื้ออีก 5 ราย ในอีก 3 โรงเรียน อย่างไรก็ดี ทางการญี่ปุ่นยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในโรงพยาบาล เนื่องจากความแออัดในห้องพักของบุคลากร รวมถึงการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน จึงออกมาตรการให้หลีกเลี่ยง 3C คือ closed spaces (สถานที่ปิด) crowded conditions (การแออัด) และ conversation in close proximity (การพูดคุยระยะใกล้ชิด)

3. การดำเนินการตามมาตรการ มาตรการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ

วันนี้ (2 มิถุนายน 2563) จะมีคนไทยเดินทางกลับมาทั้งหมด 3 เที่ยวบิน จาก 3 ประเทศ รวมทั้งสิ้น 450 คน และในวันพรุ่งนี้ (3 มิถุนายน 2563) จำนวน 3 เที่ยวบิน จำนวนทั้งสิ้น 427 คน นอกจากนี้มีรายงานผู้เดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก มีผู้เดินทางกลับจากมาเลเซีย 262 คน กัมพูชา 56 คน สปป.ลาว 15 คน และเมียนมา 6 คน

ทั้งนี้ สถานการณ์ผู้เดินทางเข้าประเทศและอยู่ในสถานกักกันในสถานที่ของรัฐ โดยเมื่อวานมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 697 ราย โดยกำลังเพิ่มความสามารถ และภายในเดือนมิถุนายน รัฐบาลอยากให้คนไทยได้กลับให้ได้มากที่สุด มียอดสะสมทั้งหมด 30,730 ราย กลับบ้านได้แล้ว 20,904 ราย

โฆษก ศบค. ยังได้รายงานข้อมูลสรุปการใช้งานแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เพิ่มขึ้นในจำนวนกิจกรรม 141,561 ร้านค้า ดาวน์โหลดแอพพลิแคชั่นเพิ่มขึ้น 144,899 ราย ซึ่งหากใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้จะทำให้ทราบถ้ามีผู้ติดเชื้อ เราก็จะปลอดภัย หรือถ้าเราติดเชื้อ คนอื่นๆ ก็ปลอดภัย เป็นการช่วยกันดูแลในสังคม

ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รายงานการตรวจกิจการ/กิจกรรม ซึ่งได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบหลัก และกฎระเบียบรอง โดยเมื่อวานนี้ ประชาชนให้ร่วมมือเกือบทั้งสิ้น มีที่ปฏิบัติไม่ครบ 11 ราย และไม่ปฏิบัติเลย 0 ราย จากการตรวจทั้งสิ้น 20,038 ราย

ทั้งนี้ โฆษก ศบค. ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการเข้าสู่มาตรการระยะที่ 3 เป็นวันแรกเป็นอย่างดี

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ