อินโดนีเซีย พร้อมนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในประเทศ

ข่าวทั่วไป Monday June 22, 2020 15:37 —สำนักโฆษก

อินโดนีเซีย พร้อมนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในประเทศ

วันนี้ (22 มิถุนายน 2563) เวลา 09.00 น. ณ ห้องนารี 1 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอะฮ์มัด รุซดี (H.E. Mr. Ahmad Rusdi) เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในตลอดช่วงระยะเวลาของการดำรงตำแหน่ง รวมทั้งขอบคุณเอกอัครราชทูต และรัฐบาลอินโดนีเซียที่ได้อำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ให้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินพิเศษ เชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในอนาคต พร้อมยืนยันให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทย-อินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง

ด้านเอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนการทำงานในไทยเสมอมา ชื่นชมมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศติดต่อกันกว่า 27 วัน ถือเป็นแบบอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จ อินโดนีเซียจะนำบทเรียน และประสบการณ์ของไทยไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำถึงการจัดการโควิด-19 ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ คือการได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล (Social Distancing)

รองนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า อินโดนีเซียจะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ให้คลี่คลายได้โดยเร็ว ซึ่งไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการค้นคว้าวิจัยด้านการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ในไทย ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการทดลองและมีผลตอบสนองที่ดี กำลังเข้ากระบวนการทดลองในมนุษย์เป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น การค้าการลงทุน การศึกษา และการท่องเที่ยว โดยรองนายกรัฐมนตรีเสนอให้พิจารณาการพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ซึ่งเป็นสาขาที่ไทยมีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาความร่วมมือด้านการสาธารณสุข และด้านธุรกิจการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ