นายกฯ แจง การออกคำสั่ง คสช. มาตรา 44 เพื่อบริหารจัดการโครงการ สัญญาที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 3 ช่วงให้เกิดเอกภาพ อำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน

ข่าวทั่วไป Thursday February 18, 2021 14:23 —สำนักโฆษก

นายกฯ แจง การออกคำสั่ง คสช. มาตรา 44 เพื่อบริหารจัดการโครงการ สัญญาที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 3 ช่วงให้เกิดเอกภาพ อำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชน ให้กำหนดอัตราค่าโดยสารเหมาะสมเป็นธรรม

วันนี้ (17 ก.พ.64) เวลา 20.40 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ถึงกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า เป็นการดำเนินการ 3 ช่วง โดยช่วงแรกเป็นเส้นทางสายหลัก คือสายสุขุมวิทและสายสีลม เป็นช่วงที่ทำสัญญาให้กับเอกชนไว้ตั้งแต่ปี 2535 มีระยะเวลาสัญญา 30 ปี จะสิ้นสุดในปี 2572 และช่วงต่อไปเป็นเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 2 เดิม รฟม. เป็นผู้ก่อสร้าง ต่อมามติคณะรัฐมนตรีปี 2561 เห็นชอบให้โอนช่วงดังกล่าวมาให้ กทม. รับมาบริหารจัดการแทน รวมถึงรับภาระหนี้ต่าง ๆ มาจาก รฟม. ด้วย ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีสัญญาการดำเนินงานที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง อาจทำให้เกิดปัญหาการบูรณาการ การบริหารจัดการโครงการ และการบริหารจัดการสัญญา ที่ไม่มีความเป็นเอกภาพ หากต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายร่วมทุนภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว อาจทำให้การดำเนินงานล่าช้าออกไปอีก 2-3 ปี โดยรัฐบาลไม่อยากให้เกิดปัญหาการเดินรถที่อาจจะเกิดความไม่ต่อเนื่องดังเช่นบางโครงการในอดีต นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จึงได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. เพื่อให้เกิดการบูรณาการการบริหารจัดการโครงการ และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการสายสีเขียวทั้ง 3 ช่วง ให้เกิดเอกภาพ สามารถเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน อำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชน และให้กำหนดอัตราค่าโดยสารให้เหมาะสมและเป็นธรรม ไม่เป็นภาระประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ในเรื่องราคาค่าโดยสารดังที่กล่าวมา เพราะขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือ และ กทม. ได้ชะลอการดำเนินการแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในการดำเนินงานนั้น อำนาจตามมาตรา 44 ให้ตั้งคณะกรรมการมาดูเรื่องนี้ และมีองค์ประกอบของคณะกรรมการแนวเดียวกับองค์ประกอบคณะกรรมการตามกฎหมายร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นเพื่อประโยชน์ในการรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 และให้ดำเนินการเจรจากับผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อให้เกิดการบูรณาการการบริหารจัดการโครงการ สามารถเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน อำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชนผู้โดยสาร และมีอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่เป็นภาระประชาชน หากมีผลการเจรจาจนได้ข้อยุติและได้ร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขแล้ว ก็ให้ถือว่าเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ. การร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน ในส่วนของการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนแล้ว สำหรับขั้นตอนอื่นๆ หลังจากนี้ ก็ให้หน่วยงานดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชนต่อไป

นายกรัฐมนตรีชี้แจงด้วยว่า ในคำสั่ง คสช. ดังกล่าว ไม่ได้ระบุหรือบังคับให้มีการขยายสัมปทานกับเอกชนรายเดิมออกไปอีก 40 ปี อย่างที่กล่าวหาในขณะนี้ และการที่กล่าวหาว่ารัฐเอื้อเอกชนรายเดิม ทำไมจึงเจรจากับเอกชนรายเดิมนั้นต้องย้อนกลับไปดูสัญญาสัมปทานเดิม โครงการสายหลักที่ทำไว้เมื่อปี 2535 กำหนดว่า หาก กทม. จะให้มีการดำเนินการสายทางเพิ่มเติมในระหว่างอายุของสัญญาหรือขยายเส้นทางของระบบ บริษัทมีสิทธิเป็นรายแรกที่จะเจรจากับ กทม. ก่อน ดังนั้น หากไม่เจรจากับเอกชนรายเดิมก่อน รัฐอาจถูกเอกชนฟ้องร้องในภายหลังว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ในคำสั่ง คสช. ให้นำประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต เรื่องแนวทางและวิธีการในการดำเนินโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แบบของข้อตกลงคุณธรรม การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์ มาใช้กับการดำเนินงานตามคำสั่ง คสช. ฉบับนี้ด้วย รวมถึงเรื่องค่าโดยสาร ซึ่งตามกฎหมายแล้วอยู่ในอำนาจของผู้ว่า กทม. ส่วนผลการดำเนินการ ตามคำสั่ง คสช. ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียดว่า เจรจาแล้วได้ผลอย่างไร ทั้งในส่วนของค่าโดยสารและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน พร้อมยืนยันว่า ผลการดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพราะยังอยู่ในระหว่างการเจรจรา ดังนั้น ขออย่าพูดกันเกินเลยว่าให้ขึ้นราคาแล้วเท่านั้นเท่านี้ อย่าเพิ่งจินตนาการกันไป

นายกรัฐมนตรียังชี้แจงในส่วนของข้อกฎหมายที่มีการอ้างว่าขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 56 นั้น ได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว หากเข้าสู่กระบวนการก็แล้วแต่ศาลจะพิจารณา โดยคำสั่ง คสช. นั้น ระบุไว้ว่าให้กำหนดค่าโดยสารในอัตราที่เหมาะสม ระบุไว้ด้วยว่ารักษาวินัยการเงินการคลังโดยให้มีคณะกรรมการมาสังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรมด้วย ไม่ผูกขาดเพราะสัญญาสัมปทานเดิม ให้เจรจากับรายเดิมก่อน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ