คณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้เห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โครงการ Fix-it Center และ โครงการทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต แล้วให้นำเสนอ ครม. ในวันที่ 25 มี.ค. นี้
วันนี้ เวลา 16.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2551 เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 25 มีนาคม 2551 รวม 3 เรื่องดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเสนอให้ปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายต่อหัวตามระดับการศึกษา และขอให้สนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 2,917 ล้านบาท โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2551 ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการไปกำหนดมาตรการที่ไม่ให้โรงเรียนขอรับเงินบริการเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง
ทั้งนี้ อัตราอุดหนุนเงินค่าใช้จ่ายรายหัวนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในระบบและนอกระบบ ประกอบด้วย 1) การศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ก่อนประถมศึกษาจาก 1,149 บาท เป็น 1,700 บาท ประถมศึกษาจาก 1,499 บาท เป็น 1,900 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นจาก 2,649 บาท เป็น 3,500 บาท มัธยมศึกษาตอนปลายจาก 3,249 บาท เป็น 3,800 บาท 2) อาชีวศึกษา ได้แก่ อุตสาหกรรมจาก 5,570 บาท เป็น 6,500 บาท พาณิชกรรมจาก 3,970 บาท เป็น 4,900 บาท คหกรรมจาก 4,720 บาท เป็น 5,500 บาท ศิลปกรรมจาก 5,570 บาท เป็น 6,200 บาท เกษตรทั่วไป จาก 5,019 บาท เป็น 5,900 บาท เกษตรปฏิรูปจาก 10,520 บาท เป็น 11,900 บาท 3) การศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ประถมศึกษาจาก 776 บาท เป็น 1,100 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นจาก 1,732 บาท เป็น 2,300 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลายจาก 1,732 บาท เป็น 2,300 บาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบโครงการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it Center) ให้ครอบคลุม 10,000 หมู่บ้าน ในระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554) โดยในปี 2551 มีเป้าหมายครอบคลุม 500 หมู่บ้าน ในวงเงินงบประมาณ 150 ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับโครงการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) ให้คำแนะนำถ่ายทอดความรู้ให้ประชาชน ช่างชุมชนรู้วิธีใช้ ดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมือ อุปกรณ์ การประกอบอาชีพ เครื่องใช้ในครัวเรือน ด้วยการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานทุกระดับ จัดทำ Training Package สร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 2) สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับชุมชน และวิสาหกิจในการถ่ายทอดความรู้ ด้วยการฝึกอบรมควบคู่การปฏิบัติงานจริง ให้ความรู้ในการใช้งานเครื่องมือเครื่องจักร การซ่อมบำรุงรักษา โดยการมีส่วนร่วมของนักศึกษาและช่างชุมชน 3) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบรับรองและตรวจสอบคุณภาพของสินค้าชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้มีการประเมินคุณภาพสินค้าชุมชน พัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าและมาฐานผลิตภัณฑ์ รวมทั้งส่งเสริมการรับรองยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้เริ่มโครงการทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนได้เรียนรู้ โดยในปีการศึกษา 2551 จะเริ่มให้นักเรียนที่เรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการในลำดับต้นๆ อาทิ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ ปิโตรเคมี อัญมณี เป็นต้น พร้อมกันนี้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ร่วมกับสำนักงานกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ไปศึกษารายละเอียดในการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อขยายทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ไปสู่นักเรียนที่เรียนในสาขาอื่นๆ ให้มากขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 16.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2551 เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 25 มีนาคม 2551 รวม 3 เรื่องดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเสนอให้ปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายต่อหัวตามระดับการศึกษา และขอให้สนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 2,917 ล้านบาท โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2551 ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการไปกำหนดมาตรการที่ไม่ให้โรงเรียนขอรับเงินบริการเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง
ทั้งนี้ อัตราอุดหนุนเงินค่าใช้จ่ายรายหัวนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในระบบและนอกระบบ ประกอบด้วย 1) การศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ก่อนประถมศึกษาจาก 1,149 บาท เป็น 1,700 บาท ประถมศึกษาจาก 1,499 บาท เป็น 1,900 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นจาก 2,649 บาท เป็น 3,500 บาท มัธยมศึกษาตอนปลายจาก 3,249 บาท เป็น 3,800 บาท 2) อาชีวศึกษา ได้แก่ อุตสาหกรรมจาก 5,570 บาท เป็น 6,500 บาท พาณิชกรรมจาก 3,970 บาท เป็น 4,900 บาท คหกรรมจาก 4,720 บาท เป็น 5,500 บาท ศิลปกรรมจาก 5,570 บาท เป็น 6,200 บาท เกษตรทั่วไป จาก 5,019 บาท เป็น 5,900 บาท เกษตรปฏิรูปจาก 10,520 บาท เป็น 11,900 บาท 3) การศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ประถมศึกษาจาก 776 บาท เป็น 1,100 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นจาก 1,732 บาท เป็น 2,300 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลายจาก 1,732 บาท เป็น 2,300 บาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบโครงการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it Center) ให้ครอบคลุม 10,000 หมู่บ้าน ในระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554) โดยในปี 2551 มีเป้าหมายครอบคลุม 500 หมู่บ้าน ในวงเงินงบประมาณ 150 ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับโครงการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) ให้คำแนะนำถ่ายทอดความรู้ให้ประชาชน ช่างชุมชนรู้วิธีใช้ ดูแลรักษาและซ่อมบำรุงเครื่องมือ อุปกรณ์ การประกอบอาชีพ เครื่องใช้ในครัวเรือน ด้วยการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานทุกระดับ จัดทำ Training Package สร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 2) สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับชุมชน และวิสาหกิจในการถ่ายทอดความรู้ ด้วยการฝึกอบรมควบคู่การปฏิบัติงานจริง ให้ความรู้ในการใช้งานเครื่องมือเครื่องจักร การซ่อมบำรุงรักษา โดยการมีส่วนร่วมของนักศึกษาและช่างชุมชน 3) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบรับรองและตรวจสอบคุณภาพของสินค้าชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้มีการประเมินคุณภาพสินค้าชุมชน พัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าและมาฐานผลิตภัณฑ์ รวมทั้งส่งเสริมการรับรองยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้เริ่มโครงการทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับเยาวชนได้เรียนรู้ โดยในปีการศึกษา 2551 จะเริ่มให้นักเรียนที่เรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการในลำดับต้นๆ อาทิ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ ปิโตรเคมี อัญมณี เป็นต้น พร้อมกันนี้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ร่วมกับสำนักงานกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ไปศึกษารายละเอียดในการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อขยายทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต ไปสู่นักเรียนที่เรียนในสาขาอื่นๆ ให้มากขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--