"โกวิท"สั่งคุมเข้มชายแดนใต้หวั่นคนร้ายฉวยจังหวะเปลี่ยนผู้บริหารก่อเหตุ

ข่าวทั่วไป Friday September 16, 2011 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เริ่มเกิดเหตุรุนแรงบ่อยขึ้นว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติงานอย่างระมัดระวัง เพราะโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์มีอยู่ตลอดเวลา และยิ่งในช่วงเดือน ก.ย.เป็นช่วงที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนในระดับผู้บริหาร ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการดูแลให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เน้นการทำงานเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องปรามเหตุการณ์ที่ผู้ไม่หวังดีอาจใช้โอกาสในช่องว่างของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารเข้ามาก่อเหตุได้

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่เสนอให้ยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า คงต้องมีการประเมินสถานการณ์ก่อน และจากที่เห็นพบว่าขณะนี้สถานการณ์ยังรุนแรงและมีอยู่ต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายนี้ไว้เป็นเครื่องมือ เพราะจะใช้กฎหมายปกติเหมือนในกรุงเทพฯ คงไม่ได้

อย่างไรก็ดี จะพยายามลดความรุนแรงลงให้ได้ โดยยืนยันว่ารัฐบาลต้องการคืนความสงบสุขให้กับประชาชน ขณะเดียวกันจะหาโอกาสลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมสถานการณ์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ได้เข้าตรวจสอบบริเวณฐานปฏิบัติการทหารสังกัด ร้อย ร.15114 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 31 บ้านรูโบ๊ะกาเยาะหมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่ถูกกลุ่มก่อความไม่สงบลอบวางระเบิด ก่อนใช้อาวุธปืนยิงถล่มเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบหลุมลึก 2 ฟุต กว้าง 2 ฟุต เศษซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องแบบเคโมหนัก 10 กก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือตกกระจายเกลื่อนพื้น ส่วนบริเวณป่าสวนยางหลังฐานปฏิบัติการพบปลอกกระสุนปืนอาก้า M16 และกระสุนปืนลูกซองตกอยู่กว่า 100 ปลอก

นอกจากนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. ศูนย์ประสานงานเหตุฉุนเฉินแห่งชาติ จ.ยะลา ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ยะลา ว่า เมื่อเวลา 20.30 น. ของคืนวันที่ 15 ก.ย. มีคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะตามประกบยิงนายมะไซนุง ลาเต๊ะ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา เสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ