นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้โรงพยาบาลทุกแห่ง อย่าประเมินสถานการณ์น้ำท่วมต่ำ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมากและอยู่ริมน้ำ ขอให้เริ่มเคลื่อนย้ายจุดที่สำคัญเช่นเครื่องสำรองไฟ
พร้อมกันนี้ได้ให้แต่ละโรงพยาบาลวางแผนการส่งต่อผู้ป่วยให้เป็นระบบ ก่อนที่จะขนย้ายผู้ป่วยหากจำเป็น ขอให้บริหารจัดการเส้นทางการจราจรให้แน่ชัด สำหรับในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักให้เร่งเคลื่อนย้าย แต่จะต้องดูสถานการณ์น้ำด้วย ไม่เคลื่อนย้ายเร็วหรือช้าเกินไป เพราะจะต้องดูแลชีวิตผู้ป่วยระหว่างเคลื่อนย้ายด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิต
ด้านนายแพทย์ธวัชชัย วงศ์คงสวัสดิ์ ผู้นำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้เตรียมแผนไว้หลายระดับ มีโรงพยาบาลที่จับคู่ให้บริการ ซึ่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจับคู่กับโรงพยาบาลบำราศนราดูร หากจำเป็นต้องดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในภาวะวิกฤติ
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้เตรียมพร้อม 100% โดยได้เตรียมประสานงานในเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นรถของทหาร เรือ และเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งสามารถเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้ภายใน 5 นาที จากการสำรวจการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลบำราศนราดูร สามารถรับผู้ป่วยหนักได้ 52 คน และผู้ป่วยสามัญ 90 คน ซึ่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฯ สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 50 คนได้ภาย 3 ชั่วโมง หากการจราจรไม่ติดขัด
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมของระบบไฟฟ้าและระบบออกซิเจน สามารถใช้ได้ 7 วัน โดยหาก 2 ระบบดังกล่าวไม่ล่ม โรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยได้เองเกือบทั้งหมดไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย แต่หากมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่น โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจะส่งทีมแพทย์และพยาบาลไปดูแลผู้ป่วยด้วยเพื่อไม่ให้เพิ่มภาระของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่รับส่งต่อผู้ป่วย