
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง "คนไทย ยังอดทนอยู่หรือเปล่า?" จากการสำรวจเมื่อถามถึงความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่าง ๆ จากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา พบว่า
1. กองทัพ : กลุ่มตัวอย่าง 53.67% ระบุว่า พอใจมาก รองลงมา 34.20% ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ส่วน 9.54% ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ และอีก 2.44% ระบุว่า ไม่พอใจเลย
2. กระทรวงการต่างประเทศ : กลุ่มตัวอย่าง 34.66% ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา 31.83% ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ส่วนอีก16.95% ระบุว่า ไม่พอใจเลย ขณะที่ 14.43% ระบุว่า พอใจมาก
3. รัฐบาลไทย : กลุ่มตัวอย่าง 38.32% ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา 26.03% ระบุว่า ไม่พอใจเลย ส่วนอีก 25.80% ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ขณะที่ 9.62% ระบุว่า พอใจมาก
เมื่อถามถึงความอดทนของประชาชนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ โดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 40.53% ระบุว่า ยังมีความอดทนอยู่พอประมาณ รองลงมา 24.43% ระบุว่า หมดความอดทนแล้ว ส่วนอีก 19.69% ระบุว่า เริ่มไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว ขณะที่ 14.74% ระบุว่า ยังมีความอดทนสูงอยู่
สำหรับภาพรวมของประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (210 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 38.57% ระบุว่า ยังมีความอดทนอยู่พอประมาณ รองลงมา 24.29% ระบุว่า หมดความอดทนแล้ว ส่วนอีก 22.38% ระบุว่า เริ่มไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว ขณะที่ 14.28% ระบุว่า ยังมีความอดทนสูงอยู่
เมื่อถามถึงเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ สำหรับภาพรวมของ "ประชาชนทั้งประเทศ" พบว่า
อันดับ 1 ตัวอย่าง 44.05% ระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งจะยืดเยื้อยาวนานไม่จบ
อันดับ 2 ตัวอย่าง 41.76% ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน
อันดับ 3 ตัวอย่าง 31.15% ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่รัฐ อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ตามแนวชายแดน
อันดับ 4 ตัวอย่าง 21.15% ระบุว่า การรบกันอีกระหว่างไทย-กัมพูชา
อันดับ 5 ตัวอย่าง 18.32% ระบุว่า ไม่กังวลอะไรเลย
อันดับ 6 ตัวอย่าง 18.24% ระบุว่า ไทยจะเสียดินแดน
อันดับ 7 ตัวอย่าง 14.50% ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจชายแดน จากการปิดด่านระยะยาว
อันดับ 8 ตัวอย่าง 12.06% ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจจะแทรกแซง
อันดับ 9 ตัวอย่าง 8.55% ระบุว่า การพลาดท่าให้กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ
อันดับ 10 ตัวอย่าง 7.79% ระบุว่า รัฐบาลจะไม่เปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา
เมื่อถามถึงเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ สำหรับภาพรวมของ "ประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา" (210 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า
อันดับ 1 ตัวอย่าง 46.19% ระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งจะยืดเยื้อยาวนานไม่จบ
อันดับ 2 ตัวอย่าง 44.76% ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน
อันดับ 3 ตัวอย่าง 33.33% ระบุว่า สภาพความเป็นอยู่เจ้าหน้าที่รัฐ อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ตามแนวชายแดน
อันดับ 4 ตัวอย่าง 25.71% ระบุว่า การรบกันอีกระหว่างไทย-กัมพูชา
อันดับ 5 ตัวอย่าง16.67% ระบุว่า ไทยจะเสียดินแดน
อันดับ 6 ตัวอย่าง 14.76% ระบุว่า ไม่กังวลอะไรเลย
อันดับ 7 ตัวอย่าง 13.33% ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจชายแดน จากการปิดด่านระยะยาว
อันดับ 8 ตัวอย่าง 9.52% ระบุว่า การพลาดท่าให้กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ
อันดับ 9 ตัวอย่าง 8.10% ระบุว่า ประเทศมหาอำนาจจะแทรกแซง
อันดับ 10 ตัวอย่าง 4.29% ระบุว่า รัฐบาลจะไม่เปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา เท่ากับ รัฐบาลจะตัดสินใจเปิดด่าน ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยภาพรวมของ "ประชาชนทั้งประเทศ"
อันดับ 1 ตัวอย่าง 35.19% ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี
อันดับ 2 ตัวอย่าง 33.97% ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา
อันดับ 3 ตัวอย่าง 24.81% ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง
อันดับ 4 ตัวอย่าง 22.06% ระบุว่า รัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา
อันดับ 5 ตัวอย่าง 21.68% ระบุว่า รัฐบาลต้องเยียวยา ดูแล ประชาชน ภาคธุรกิจ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
อันดับ 6 ตัวอย่าง 20.99% ระบุว่า รบจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จหรือได้เปรียบกัมพูชา
อันดับ 7 ตัวอย่าง 11.22% ระบุว่า ป้องกันอย่าให้ประเทศมหาอำนาจเข้าแทรกแซง
อันดับ 8 ตัวอย่าง 9.92% ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามผ่านกลไกระหว่างประเทศ เท่ากับทำอย่างไรก็ดี แต่อย่าสู้รบกัน
อันดับ 9 ตัวอย่าง 6.41% ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
อันดับ 10 ตัวอย่าง 2.37% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา สำหรับภาพรวม
อันดับ 1 ตัวอย่าง 39.05% ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่เสียดินแดน และไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา
อันดับ 2 ตัวอย่าง 32.86% ระบุว่า กดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี
อันดับ 3 ตัวอย่าง 22.38% ระบุว่า รัฐบาลต้องเยียวยา ดูแล ประชาชน ภาคธุรกิจ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
อันดับ 4 ตัวอย่าง 20.48% ระบุว่า เปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง
อันดับ 5 ตัวอย่าง 19.52% ระบุว่า รัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา
อันดับ 6 ตัวอย่าง 18.10% ระบุว่า รบจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จหรือได้เปรียบกัมพูชา
อันดับ 7 ตัวอย่าง 10.00% ระบุว่า ทำอย่างไรก็ได้ แต่ขออย่าให้มีการสู้รบกัน
อันดับ 8 ตัวอย่าง 7.14% ระบุว่า ป้องกันอย่าให้ประเทศมหาอำนาจเข้าแทรกแซง
อันดับ 9 ตัวอย่าง 6.67% ระบุว่า กดดัน ฟ้องร้องและประณามกัมพูชาผ่านกลไกระหว่างประเทศ
อันดับ 10 ตัวอย่าง 4.76 %ระบุว่า ให้มีประเทศที่สามเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2568