นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 ว่า ได้หารือกับทุกหน่วยงานเพื่อให้ทราบว่าปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาระดับโลก และเป็นวาระแห่งชาติที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว มีการยึดทรัพย์ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในระดับหมื่นล้าน แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่เฉยๆ และได้สั่งการให้ดำเนินการเข้มข้นมากขึ้น
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าสแกมเมอร์ขณะนี้อยู่ที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรีระบุว่า อยู่ทั่วไป แต่ฐานหลักยังอยู่ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และวันนี้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ยืนยันว่าได้มีการระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งจากไทยไปยังพื้นที่แสกมเมอร์ของเพื่อนบ้านทั้งหมดแล้ว แต่หากจะมีการนำสัญญาณตรงไหนไปใช้ก็ต้องประสานประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสันติภาพในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นประธานอนุกรรมการปราบปรามสแกมเมอร์ แต่ขณะนี้มีคณะอนุกรรมการ 2-5 ชุด ซึ่งพยายามให้มีการรวมหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วม โดยมีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงมหาดไทย พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีชื่อใครทั้งนั้น ต้องรอให้อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นเลขานุการของคณะกรรมการชุดนี้รวบรวมรายชื่อมาก่อน เนื่องจากคณะอนุกรรมการชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี
ส่วนมาตรการยาแรงในการแก้ไขปัญหา เลขา กสทช.ได้ดำเนินการปิดสัญญาณสื่อสาร และตัดการสนับสนุนด้านพลังงานในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลสามารถหยุดการให้บริการหรือสนับสนุนคนทำผิดกฎหมายได้ทันที ซึ่งถือเป็นยาแรง และสั่งให้มีการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ทันทีหากเป็นการสนับสนุนการกระทำผิเด โดยยึดตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เคยมีไว้ โดยไม่ต้องเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้งหนึ่งแล้ว
สำหรับกระแสข่าวว่ามีนักการเมือง 7 รายชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รอการเปิดเผยรายชื่ออยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทยออกมาปฏิเสธข่าว พร้อมย้ำว่า หากพบเส้นทางการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้วอย่าง ปปง.
พร้อมกล่าวย้ำว่าหากพบจะไม่ดูว่าชื่อหรือตำแหน่งอะไร ถ้ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิดชัดเจน ใครผิดก็ต้องดำเนินการเอาผิด หากฝ่ายค้านมีข้อมูลเรื่องสแกมเมอร์ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ขอให้เปิดเผยมา เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินคดีจะได้ไม่ต้องคาดเดา เพราะฝ่ายค้านเป็นฝ่ายตรวจสอบ สามารถดำเนินการได้ทันที ขอให้ส่งรายชื่อมาอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่กระทำความผิดถือสัญชาติไทยและถือสัญชาติอื่นด้วย จึงเป็นที่มาที่ตนเองไม่ยอมเซ็นมอบสัญชาติให้ โดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการถอนสัญชาติ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์
นายอนุทิน กล่าวถึงนางสาวสฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระที่ ออกมาระบุข้อมูลเชื่อมโยงสแกมเมอร์ ยอมรับว่าไม่ยังไม่ได้อ่านข้อมูลดังกล่าว ส่วนที่มีการเชื่อมโยงถึงบริษัทและบุคคลต่างๆในประเทศไทย หากโยงถึงใครคนนั้นก็โดน ซึ่งต้องดูจากพฤติกรรมหากใครทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งหากประเทศไทยไม่ดำเนินการให้เด็ดขาดและเข้มงวด แต่เมื่อมีการไปเจรจา การฑูต การลงทุน รวมถึงการเมือง เรื่องนี้จะทำให้เราเสีย และถูกกดดัน จึงต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
ด้านข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่ออกมาสนับสนุนให้ไทยไม่เข้าร่วมการประชุม GBC เนื่องจากกัมพูชาไม่ยอมทำตามข้อตกลงนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อะไรที่ดำเนินการอยู่แล้ว และประเทศไทยไม่ได้สูญเสียประโยชน์ โดยยึดถือเกียรติภูมิของประเทศและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ โดยจะดำเนินการจนกว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ว่าจะสู้กันต่อประจันหน้ากัน หรือต่างคนต่างไป ต่างคนต่างยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ซึ่งจะค้างเติ่งแบบนี้ไม่ได้