สำนักงานพลังงานแห่งชาติจีน (NEA) เปิดเผยว่า อัตราเติบโตของการใช้ไฟฟ้าของจีนชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากกิจกรรมการผลิตและผลผลิตอุตสาหกรรมของประเทศอ่อนแอลงท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอิงจากแถลงการณ์บนเว็บไซต์ของ NEA ว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีนอยู่ที่ 4.556 แสนล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้นเพียง 4.5% จากปีที่แล้ว
ส่วนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า จีนมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 2.83 ล้านล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้นใน 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากระดับ 5.5% ของช่วงครึ่งปีแรก
ในช่วงเวลาดังกล่าว การใช้ไฟฟ้าในภาคเกษตรกรรมอยู่ที่ 5.89 หมื่นล้านกิโลวัตต์ ลดลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตใช้ไฟฟ้าไปทั้งสิ้น 2.1 ล้านล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ข้อมูลจาก NEA ยังชี้ให้เห็นว่า การใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมการบริการและที่พักอาศัยขยายตัวเร็วกว่าภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมมากในช่วงเวลาดังกล่าว
โดยภาคการบริการใช้ไฟฟ้าไป 3.193 แสนล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ภาคที่พักอาศัยใช้ไฟฟ้าประมาณ 3.569 แสนล้านกิโลวัตต์ เพิ่มขึ้น 12.5% จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม-เดือนกรกฎาคม จีนสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 28.92 ล้านกิโลวัตต์จากโรงไฟฟ้าใหม่ทั่วประเทศ โดย 6 ล้านกิโลวัตต์ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและ 17.9 ล้านกิโลวัตต์ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อน
อัตราการใช้ไฟฟ้าที่อ่อนแอลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลผลิตอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม