ทั้งนี้ ยังเหลือระยะเวลาของฤดูแล้งอีกกว่า 2 เดือน แต่น้ำที่ใช้การได้จากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมกันเหลืออยู่เพียงร้อยละ 23 ของความจุอ่างฯเท่านั้น จึงขอให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา งดทำนาปรังครั้งที่ 2 อย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำ และเพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ใช้ได้ตามแผนที่วางไว้อย่างเพียงพอ ตลอดในช่วงฤดูแล้งที่เหลืออีกกว่า 2 เดือนข้างหน้า
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด(19 ก.พ.56) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 43,386 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 2555 จำนวน 8,892 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำที่สามารถนำมาใช้การได้จำนวนทั้งสิ้น 19,887 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุน ส่งไปสนับสนุนการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีดังนี้ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 6,437 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,637 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,605 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,755 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 580 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 537 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 420 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 417 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงมา ได้กำหนดแผนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2555/2556 ดังที่กล่าวมาข้างต้น ตามมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน คิดเป็นปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนำมาจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมกันจำนวน 6,800 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จำนวน 600 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อีกจำนวน 600 ล้านลูกบาศก์เมตร และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาเสริมอีก 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร