ส.อ.ท.จับมือ ม.ศรีปทุม จัดหลักสูตรพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องความต้องการ

ข่าวทั่วไป Tuesday July 9, 2013 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) จับมือมหาวิทยาลัยศรีปทุม ทำบันทึกตกลงความร่วมมือทางวิชาการในการจัดการศึกษาระหว่างภาคการศึกษากับภาคประกอบการ เพื่อให้เกิดการผลิตและพัฒนากำลังคนสอดคล้องกับความต้องการ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรของภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น

"สภาอุตสาหกรรมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวนี้จะสามารถร่วมกันพัฒนาคุณภาพกำลังคน พัฒนาคุณภาพการศึกษา อีกทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรของภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นต่อไป"นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท.กล่าว

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้มีความร่วมมือกันตั้งแต่ปี 2544 แต่เป็นความร่วมมือเฉพาะการพัฒนาหลักสูตรและแลกเปลี่ยนวิทยากรด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และต่อมาในปี 2552 ได้มีการขยายความร่วมมือมากขึ้น โดยได้ร่วมกันจัดทำโครงการสำรวจค่าจ้างและสวัสดิการ และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 5 ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมสำรวจไม่ต่ำกว่า 300 บริษัท ถือเป็นหน่วยงานที่มีฐานข้อมูลในการจัดทำการสำรวจค่าจ้างฯ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหน่วยงานแรกและหน่วยงานเดียวที่มีการรายงานผลการสำรวจบนเว็ปไซต์ โดยสมาชิกที่เข้าร่วมสำรวจไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ด้านนายวิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยศรีปทุมเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตออกไปรับใช้สังคมเป็นระยะเวลากว่า 42 ปี มีความยินดีที่ ส.อ.ท.วางใจให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรของ ส.อ.ท.และครอบครัวของบุคลากรของ ส.อ.ท. โดยจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้เรียน คือ หลักสูตรดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ต่ำกว่าบุคคลทั่วไป เป็นส่วนลดทางการศึกษา 10-20% ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทุกคณะและทุกสาขาวิชา

"ความร่วมมือนี้เป็นสิทธิพิเศษที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ให้กับบุคลากรของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงครอบครัว อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเข้ารับการศึกษา ตลอดจนเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการศึกษา เพื่อการพัฒนาความรู้ยกระดับคุณวุฒิทางการศึกษา และได้เพิ่มพูนทักษะให้สามารถก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 ได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป" นายวิรัช กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ