ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน แจ้งว่า กรมชลประทานจำเป็นต้องพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเกณฑ์ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมทั้งรับน้ำส่วนหนึ่งเข้าคลองระพีพัฒน์ ในเกณฑ์ ประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดยอดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนมากนัก
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 10 ได้แจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตจังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ให้รับทราบข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่จะเพิ่มสูงขึ้นในระยะต่อจากนี้ จึงขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการน้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักทางตอนบนของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมชลประทาน ได้วางมาตรการการพร่องน้ำออกจากเขื่อนเป็นระยะๆ เพื่อลดผลกระทบต่อตัวเขื่อนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา