โดยได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ แหล่งผลิตและระยะเวลาการสำรองอาหารจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมปศุสัตว์และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เพื่อส่งให้ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จัดทำข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เพื่อผู้บริหารจะนำไปใช้ในการตัดสินใจในเชิงนโยบายใน 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1.ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารสำรอง ทั้งปริมาณและสถานที่สำรอง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ข้าวสาร ไข่ไก่ และอาหารสดแช่แข็ง ประเภทเนื้อไก่และเนื้อหมู 2.ขั้นตอนการจัดทำแผนลำเลียงอาหารไปยังพื้นที่ประสบภัย และ 3.ขั้นตอนการประสานการปฏิบัติตามแผนลำเลียงอาหาร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้เสนอต่อศูนย์แก้ไขปัญหาภัยพิบัติแห่งชาติต่อไป
นายชวลิต กล่าวว่า นอกจากการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงภาคเอกชนต่างๆ ซึ่งมีความพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อเป็นข้อมูลการสำรองอาหาร หากเกิดภาวะขาดแคลนอาหารจากภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ
"ขณะนี้ยืนยันว่าความมั่นคงด้านอาหารและปริมาณอาหารของประเทศยังมีอยู่อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดปราจีนบุรีและหลายจังหวัดในแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา เช่น พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ขณะนี้พบว่าระบบการขนส่งและลำเลียงอาหารเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ดังกล่าว ยังสามารถดำเนินการได้ตามปรกติ ยังไม่มีภาวะการขาดแคลนอาหาร แต่หากมีการน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ต้องมีการสำรวจพื้นที่เสียหายหลังน้ำลด เพื่อให้การช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรในระยะต่อไป" นายชวลิต กล่าว