สาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ดังกล่าว คือ การอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของแต่ละฝ่ายสามารถเดินทางเข้าประเทศและพำนักในประเทศผู้รับได้เป็นเวลาไม่เกิน 14 วัน โดยยกเว้นการขอรับการตรวจลงตราล่วงหน้า
แต่ทั้งนี้อนุญาตเฉพาะการเดินทางเข้า-ออกผ่านท่าอากาศยานของไทยจำนวน 23 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ ภูเก็ต น่าน พิษณุโลก แม่สอด แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี กระบี่ ตรัง นราธิวาส ระนอง สุราษฎร์ธานี หัวหิน สมุย สุโขทัย และอู่ตะเภา ตามเกณฑ์ช่องทางอากาศของด่านตรวจคนเข้าเมืองตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ดี การปฏิเสธการเข้าเมือง การลดระยะเวลา และการบอกเลิก การอนุญาตพำนัก สามารถทำได้โดยไม่ต้องแจ้งเหตุผล
นอกจากนี้ การระงับใช้ความตกลงฯ เป็นการชั่วคราวสามารถทำได้ เพื่อเหตุผลด้านความมั่นคงและด้านสาธารณสุข โดยต้องแจ้งอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย 15 วัน และไม่มีกำหนดอายุความตกลงฯ โดยจะมีผลบังคับใช้จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะแจ้งยกเลิกความตกลงฯ เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งการยกเลิกจะมีผลหลังจากที่ได้มีหนังสือแจ้งผ่านช่องทางการทูตแล้วเป็นเวลา 60 วัน
ทั้งนี้ ร่างความตกลงฯ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามให้มีผลผูกพัน แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา 190 วรรคสอง เนื่องจากไม่เป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่งคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ