ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรมต.สาธารณสุขอาเซียน+3รับมือโรคอีโบลา 14-15 ธ.ค.

ข่าวทั่วไป Monday December 8, 2014 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 14 และ 15 ธ.ค.นี้ ประเทศไทย ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัด “การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยการเตรียมพร้อมและรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา" (ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special Meeting on Ebola Preparedness and Response) ที่โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน กทม. โดยจะมีรมต.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข จาก 13 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เข้าร่วมการประชุม ประมาณ 100 คน เพื่อจัดทำข้อตกลงเชิงนโยบายในการป้องกันโรคอีโบลาในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งในการปกป้องประชาชนในภูมิภาคนี้ให้ปลอดภัยจากโรคอีโบลา ลดผลกระทบต่างๆที่จะเกิดตามมา รวมทั้งให้การสนับสนุนแก่การระดมความช่วยเหลือของนานาชาติ ในการควบคุมการแพร่ระบาดในแอฟริกาด้านตะวันตก โดยเฉพาะในประเทศกินี ไลบีเรีย เซียราลีโอน รวมทั้งประเทศมาลี ที่ยังคงพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องโดยเร็วที่สุด

ในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขครั้งนี้ ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดการประชุม และดร.มากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก จะกล่าวผ่านระบบวิดีโอ จากสำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มายังที่ประชุม ในหัวข้อ โรคอีโบลา ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ และภาวะคุกคามต่อโลก เพื่อให้ข้อคิดเห็นต่อที่ประชุม ประกอบการพิจารณาของประเทศในภูมิภาคอาเซียนบวกสาม ในการเตรียมความพร้อมของระบบเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ และความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร เพื่อสามารถใช้ประยุกต์รับมือภัยคุกคามจากโรคระบาดอื่นๆได้เช่นกัน รวมทั้งการพิจารณาให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังประสบภัยจากการระบาดด้วย

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกล่าสุดจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 พบผู้ป่วย 17,145 ราย เสียชีวิต 6,070 ราย และประเมินว่าโรคนี้มีโอกาสแพร่ระบาดออกจากทวีปแอฟริกา จากการเดินทางระหว่างประเทศ ทุกประเทศจึงต้องร่วมมือกัน สนับสนุนการควบคุมโรค เพื่อยุติการระบาดในประเทศต้นทางโดยเร็วที่สุด และในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเข้มแข็งระบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคในทุกประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนบวกสาม ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 2,000 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก เพื่อรับมือโรคอีโบลา รวมทั้งโรคติดเชื้ออุบัติใหม่อื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ด้านนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันที่ 14 ธันวาคม 2557 จะมีการประชุมของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่วิชาการอาวุโส ประมาณ 50 คน จากประเทศในภูมิภาคอาเซียนบวกสาม โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ในฐานะประธานของเจ้าหน้าที่วิชาการอาวุโสของอาเซียนบวกสาม ประจำปี 2557 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และปลัดกระทรวงกระทรวงสุขภาพและสวัสดิการและสังคมประเทศเกาหลีใต้ เป็นรองประธานร่วม เพื่อร่วมกันจัดทำร่างข้อตกลงเชิงนโยบายในการป้องกันโรคอีโบลาในภูมิภาคอาเซียนบวกสาม ที่จะนำเสนอเข้าสู่เวทีการประชุมของรัฐมนตรีอาเซียนบวกสามในวันรุ่งขึ้น เพื่อประกาศเป็นข้อตกลงร่วมกันทั้ง 13 ประเทศ ขณะนี้ ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังไม่พบผู้ป่วยโรคอีโบลา

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อม โดยเน้นการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด โดยจะติดตามอาการทุกรายทุกวัน จนพ้นระยะฟักตัวของเชื้ออีโบลาคือ 21 วัน การปฏิบัติงานในระยะที่ผ่านมาได้ผลดี ซึ่งต่อไปประเทศไทยจะติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ (Thermo Scan) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่งอย่างถาวร และพัฒนาระบบการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาความพร้อมของโรงพยาบาล ภาครัฐและเอกชน ทั้งด้านมาตรฐานการวินิจฉัย การดูแลรักษาผู้ป่วย และการควบคุมการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ