เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ทั้งต้นเหตุ กลางเหตุ และปลายเหตุด้วย ตรงกลางที่สำคัญคือการให้ความรู้กับประชาชนก่อน สร้างความเข้าใจร่วมมือกันในการบริหารจัดการขยะ และไปร่วมกันตรงปลายทาง สนับสนุนการกำจัดขยะที่รัฐบาลกำลังเริ่มดำเนินการอยู่ในขยะนี้ เพราะฉะนั้นโรงกำจัดขยะที่ทุกคนเป็นห่วงว่าไม่ดีไม่ปลอดภัย อยากให้บริเวณที่กำหนดไว้เป็นจุดตั้งโรงงานขยะที่จะก่อให้เกิดพลังงานนั้นให้ช่วยกันไปดูที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
"วันนี้ก็ทำไปหลายเปอร์เซ็นต์แล้ว ตอนนี้ก็เห็นประชาชนมีความสุขดีอยู่ และพื้นที่ก็สะอาดสวยงาม วันหน้าก็จะเป็นสวนสาธารณะปลูกต้นไม้ต่าง ๆ ได้ เป็นที่พักผ่อนได้ ขยะก็บริหารไปในโรงขยะก็ผลิตพลังงานออกมาได้ อย่าขัดแย้งกันเลย ก็ต้องเสียสละกันบ้าง คงต้องดูแลประชาชนที่อยู่ใกล้ ๆ รอบ ๆ โรงงานขยะอย่าให้มีปัญหาอีก อันนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ใช่อยากจะสั่งอะไรก็สั่ง ก็ต้องนึกถึงประชาชนก่อนด้วย แต่ประชาชนก็ต้องนึกถึงรัฐ นึกถึงประเทศชาติด้วย ว่าเราจะต้องทำกันอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องขยะ"
รัฐบาลปัจจุบัน ได้ประกาศให้ “ขยะมูลฝอยเป็นวาระแห่งชาติ" ให้ความสำคัญมากที่สุด วันนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย แล้วขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมดำเนินการอย่างบูรณาการ ในเรื่องนี้ผมได้จัดระเบียบใหม่เล็กน้อย คือให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหลัก เพราะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และเป็นผู้ที่ดูแลพื้นที่ทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้นเป็นการทำงานร่วมกัน แต่กระทรวงมหาดไทยเป็นหลัก ก็กำลังดูแลในเรื่องของระเบียบ เรื่องของกฎหมายอยู่ ไม่อย่างนั้นก็กฎหมายหลายฉบับ เกี่ยวข้องหลายกระทรวง ต้องมีแม่งานสักคนหนึ่ง ผมตัดสินใจแล้วให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ปฏิบัติ ในส่วนของแผนต่าง ๆ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาร่วมกันทำงานไป
ในเรื่องที่จะต้องทำงานอย่างบูรณาการ อาทิ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อลด ละ เลิกการใช้ “โฟมโพลิสไตรีน" บรรจุอาหารภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2558 - 2560) โดยหันมาสนับสนุนการใช้เศษวัสดุทางเลือก ที่เหลือจากกระบวนการเกษตรกรรม ได้แก่ ชานอ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม ผักตบชวา ฟางข้าว เป็นต้น อันนี้เป็นประโยชน์มากเลย ผักตบชวาก็รกรุงรังเต็มคลองอยู่ในขณะนี้ ถ้านำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จะดี เป็นวัสดุที่หาง่าย น่าจะทำให้ถูกลง ในการที่จะทำบรรจุภัณฑ์ในปลอดสารพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าจะลดราคาการผลิตอย่างไร ต้นทุนการผลิตอย่างไร จะได้ขายในราคาที่ถูกกว่า ที่ไม่เป็นต่อสิ่งแวดล้อม อะไรที่ดีแต่แพงกว่าก็ลำบาก ทำอะไรก็ต้องนึกถึงประชาชนด้วย ผู้ซื้อ ผู้บริโภค ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้สักอย่าง
เรื่องการจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวม เป็น Cluster และส่งเสริมการตั้งโรงผลิตไฟฟ้าจากการแปรรูปขยะมูลฝอยที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่แล้ว และเรื่องการผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อันนี้ก็มุ่งหวังให้ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ก็จะทำให้เป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตได้ปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยการลดใช้สารอันตรายและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ง่ายต่อการนำกลับมาใช้ใหม่ อันเป็นการสนับสนุนการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนในอนาคตด้วย ก็จะเกิดธุรกิจต่อเนื่องด้วย ถ้าบริษัทใหญ่ ๆ ผลิตมาแล้วขาย ก็น่าจะต้องมีบริษัทกำจัดซากหรือส่วนในการกำจัดซากของแต่ละบริษัทเองในการลงทุนดังกล่าวเหล่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อจะรับซื้อของที่หมดอายุไปแล้ว เช่น แผงโซล่าเซลล์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์เก่า ๆ ที่ไม่ใช้งานแล้ว พวกนี้นำไปฝังดินแล้วก็ยังไม่ย่อยสลาย เพราะฉะนั้นต้องมีการกำจัดขยะเหล่านั้น หรือจะนำมารีไซเคิล ใช้ใหม่ก็แล้วแต่ เหมือนต่างประเทศเขาทำ วันนี้ประเทศไทยรัฐบาลนี้ให้ความสนใจ สั่งการไปแล้วเป็นนโยบายไปแล้ว