สำหรับการประชุมชลประทานโลกกำหนดจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่ประเทศตุรกีเมื่อปี 2556 และประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการชลประทานและการระบายน้ำ(ICID) ที่ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 110 ประเทศ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญให้ประชาคมชลประทานทั่วโลกพบปะหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหาแนวทางร่วมกันในพัฒนางานด้านการชลประทานและการระบายน้ำ และจะหารือร่วมกันในหัวข้อการบริหารจัดการน้ำภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก:บทบาทการชลประทานต่อความยั่งยืนด้านอาหาร
โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.การแสวงหาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสมดุลระหว่าง น้ำ อาหาร พลังงานและระบบนิเวศ 2.ร่วมกำหนดวิธีการรับมือที่เหมาะสมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่มีผลต่อปริมาณน้ำทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง อย่างเช่น สถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังคุกคามประเทศไทยในขณะนี้ เราจะมีวิธีการในการรับมืออย่างไรให้ผ่านวิกฤติน้ำแล้ง จะลดปริมาณการใช้น้ำของทุกภาคส่วน หรือจะจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำใหม่ๆ เพื่อเก็บกักน้ำท่าก่อนไหลลงสู่ทะเล เป็นต้น และ 3.การใช้ระบบชลประทานและการระบายน้ำเพื่อลดความยากจนและความหิวโหย โดยร่วมวางแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานให้เพียงพอที่จะสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยใช้ทำการเกษตร
ส่วนประเด็นเนื้อหาทางวิชาการที่จะจัดแสดงและระดมความคิดเห็นในการประชุมชลประทานโลกครั้งนี้จะพิจารณาตามกรอบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ประกอบด้วย เนื้อหาทางด้านวิชาการเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยอันในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแม่งัดสมบูรณ์ชล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแหลมผักเบี้ย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์แหล่งน้ำร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน และการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการไทยได้พัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านชลประทานและการระบายน้ำในเวทีนานาชาติแล้ว ยังเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านชลประทานกับผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลก