ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมชลประทานโลกครั้งที่ 2 ช่วง 6-12 พ.ย.

ข่าวทั่วไป Thursday October 8, 2015 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมชลประทานโลก ครั้งที่ 2 และการประชุมมนตรีฝ่ายบริหารระหว่างประเทศครั้งที่ 67 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 6-12 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 พันคน

สำหรับการประชุมชลประทานโลกกำหนดจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี โดยครั้งแรกจัดขึ้นที่ประเทศตุรกีเมื่อปี 2556 และประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการชลประทานและการระบายน้ำ(ICID) ที่ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 110 ประเทศ ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญให้ประชาคมชลประทานทั่วโลกพบปะหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหาแนวทางร่วมกันในพัฒนางานด้านการชลประทานและการระบายน้ำ และจะหารือร่วมกันในหัวข้อการบริหารจัดการน้ำภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก:บทบาทการชลประทานต่อความยั่งยืนด้านอาหาร

โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.การแสวงหาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสมดุลระหว่าง น้ำ อาหาร พลังงานและระบบนิเวศ 2.ร่วมกำหนดวิธีการรับมือที่เหมาะสมกับสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่มีผลต่อปริมาณน้ำทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง อย่างเช่น สถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังคุกคามประเทศไทยในขณะนี้ เราจะมีวิธีการในการรับมืออย่างไรให้ผ่านวิกฤติน้ำแล้ง จะลดปริมาณการใช้น้ำของทุกภาคส่วน หรือจะจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำใหม่ๆ เพื่อเก็บกักน้ำท่าก่อนไหลลงสู่ทะเล เป็นต้น และ 3.การใช้ระบบชลประทานและการระบายน้ำเพื่อลดความยากจนและความหิวโหย โดยร่วมวางแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานให้เพียงพอที่จะสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยใช้ทำการเกษตร

ส่วนประเด็นเนื้อหาทางวิชาการที่จะจัดแสดงและระดมความคิดเห็นในการประชุมชลประทานโลกครั้งนี้จะพิจารณาตามกรอบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ประกอบด้วย เนื้อหาทางด้านวิชาการเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยอันในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแม่งัดสมบูรณ์ชล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแหลมผักเบี้ย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์แหล่งน้ำร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน และการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้

ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้นักวิชาการไทยได้พัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านชลประทานและการระบายน้ำในเวทีนานาชาติแล้ว ยังเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านชลประทานกับผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ