"ประชาชนจำนวนไม่น้อยไม่มาเสียค่าปรับ และบางคนใช้วิธีการแจ้งความว่าใบขับขี่หาย เพื่อไปขอใหม่ ซึ่งจะทำให้ไปเพิ่มความผิดกรณีแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งมีโทษจำคุก ดังนั้นจึงเป็นข้อห่วงใย เพราะจากความผิดเล็กๆ น้อยๆ จากแค่ปรับกลายเป็นโทษจำคุก 3 เดือนถ้าแจ้งความเท็จ" รักษาราชการแทน ผบช.น.กล่าว
สำหรับโครงการนี้ จะมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2558 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2559 และจะดำเนินการได้เฉพาะในความผิดที่กำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 1,000 บาทเท่านั้น อาทิ ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย, อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ, ไม่พกใบอนุญาตขับขี่, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม
"ข้อหาที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชน เช่น จอดรถกีดขวางทาง ขับรถอันตรายน่าหวาดเสียว ขับรถขณะมึนเมาสุรา ซึ่งข้อหาเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตราย และมีอัตราโทษอยู่แล้ว 400 บาทขึ้นไป อันนี้ล้างไม่ได้ เพราะเป็นผลของกฎหมาย แต่ถ้าความผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่พกสมุดคู่มือ คนที่โดนยึดใบขับขี่ไว้แล้วไม่มาเสียค่าปรับก็จะเป็นปัญหา เราเลยเห็นว่าจะให้เสียค่าปรับน้อยลง"พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า โครงการดังกล่าวได้เริ่มทดลองใช้เป็นครั้งแรกที่ สน.ลำผักชี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยจากยอดที่ผู้ขับขี่ไม่มาชำระค่าปรับประมาณ 2 พันคนนั้น ขณะนี้เริ่มทยอยมาชำระค่าปรับ 200-300 คนแล้ว อย่างไรก็ดี หากโครงการนี้ได้รับการตอบรับที่ดี หรือมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้ขยายเวลาออกไปอีก ทาง บช.น.ก็จะมีการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง