สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด(25 ธ.ค.58) มีปริมาณน้ำรวมกันเพียง 39,986 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งสิ้นประมาณ 16,483 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยในพื้นที่ภาคเหนือ ปริมาณน้ำในเขื่อนส่วนใหญ่ มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,957 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,773 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 390 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุอ่างฯ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุอ่างฯ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มีปริมาณน้ำ 743 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 918 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 124 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ ฯ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯ
สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 528 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ 12,892 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯ เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ 5,212 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ หลายแห่งอยู่ในเกณฑ์น้อย ซึ่งจะเพียงพอใช้เฉพาะการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศในแต่ละลุ่มน้ำเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนภาคการเกษตรกรได้ โดยเฉพาะการปลูกข้าวนาปรัง จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจกันประหยัดน้ำอย่างจริงจัง เพื่อให้การใช้น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอต่อการดำรงชีพของประชากรด้านท้ายเขื่อนอย่างไม่ขาดแคลน ตลอดในช่วงฤดูแล้งไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้าด้วย