พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงปัญหาฝนตกและน้ำท่วมในขณะนี้ว่า ตนเองได้สั่งการไปยังสภากลาโหมให้มีการเตรียมการต่างๆ และเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีการเตรียมการอย่างดีในการบริหารจัดการน้ำ
ด้านพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังสามารถดำเนินการรับมือได้ สำหรับพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับความเสียหายราว 5-6 หมื่นไร่นั้น ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว
"พื้นที่ตอนบนและภาคกลางไม่ต้องกลัว เขื่อนเจ้าพระยายังรองรับน้ำได้อีกมาก ไม่ต้องกังวล" พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจาก 1,790 ล้าน ลบ.ม./วินาที เป็น 2,000 ล้าน ลบ.ม./วินาที ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าเมื่อปี 54 ที่ระบายน้ำมากถึง 3,000 ลบ.ม./วินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่กำลังจะมาเพิ่มเติม และยังไม่จำเป็นต้องระบายน้ำเก็บไว้ในทุ่ง ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะน้ำท่วมขังในช่วงที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการเร่งระบาย
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า จะมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ 3 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแล
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบในการบริหารจัดการน้ำ และการพร่องน้ำ ซึ่งขณะนี้น้ำจากภาคเหนือได้ไหลลงพื้นที่ภาคกลางแล้ว และเมื่อมีปริมาณฝนที่ตกลงมาประกอบกับน้ำทะเลหนุน ทำให้การระบายน้ำต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเพราะน้ำที่ไหลผ่านเข้าเขื่อนเจ้าพระยา หากปล่อยเกินกว่า 1,000 -2,000 ลูกบาศเมตร อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลงมา จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันแต่เชื่อว่ายังสามารถรับมือได้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยได้มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเหลือเพียง 9 จังหวัด จากเดิม 38 จังหวัด คือ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ พังงา อุทัยธานี พะเยา และ ชัยนาท