นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยเตรียมผลักดันความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขพัฒนาและวิจัย สร้างนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อคนไทย ทั้งยา วัคซีน วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ชี้ความร่วมมือที่ชัดเจนของ 2 กระทรวง จะสร้างพลังจากศักยภาพที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อคนไทย
"ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวิทยาศาสตร์มีความร่วมมือกันมาโดยต่อเนื่อง เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ ครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นคิ๊กออฟความสัมพันธ์ที่เข้มข้นเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับประชาชน" นายพิเชฐ กล่าว
โดยขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ อยู่ระหว่างการบูรณาการการทำงานด้านงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดระบบการพัฒนางานทั้งหมด โดยเริ่มต้นที่การบูรณาการระดับนโยบาย มีการยุบรวมคณะกรรมการที่ทำงานคล้ายกัน 3 หน่วยงานและตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ คือ สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการเป็นคนของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญเป็นประโยชน์สำหรับกระทรวงสาธารณสุขมาก ในการใช้ประโยชน์จากการวิจัย พัฒนา นวัตกรรม
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีบทบาทสูงมากในบัญชีนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับ สวทช. ขณะนี้มีกว่า 40 ผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ และสำนักงบประมาณได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการจัดซื้อ ผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมของคนไทย ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ด้วยวิธีกรณีพิเศษ จากผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีรายชื่อในบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อสนับสนุนนักวิจัยไทย นวัตกรรมที่ผลิตจากคนไทย ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
ด้าน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัด ทั้งระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้อำนวยการสำนัก และเขตสุขภาพ ที่ทำงานวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรม กับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ทำงานกันต่อเนื่องกันอย่างใกล้ชิดต่อไป อาทิ การวิจัยพัฒนา ยา วัคซีน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนรวดเร็ว ใช้การต่อยอด แตกยอด ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งความร่วมมือทั้ง 2 กระทรวงนี้จะเกิดพลังศักยภาพในการทำงานสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อประชาชนคนไทย
"อีก 3 เดือนจะเชิญท่านปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกครั้ง เพื่อติดตามความก้าวหน้าผลสำเร็จของการดำเนินงานร่วมกัน รวมทั้งหารือแผนความร่วมมือในอนาคตของทั้ง 2 กระทรวง เพื่อให้เกิดผลดีต่อประชาชนคนไทยอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม" นพ.ปิยะสกล กล่าว