นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค พบว่าในปี 60 มีรายงานพบสัตว์ปีกป่วยตายจำนวนมากในบางจังหวัด ซึ่งโรคที่เกิดกับสัตว์ปีกมีหลายโรคที่สำคัญ เช่น โรคนิวคาสเซิล ซึ่งไก่จะมีคอบิด เดินเป็นวงกลม โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ จะมีหายใจลำบาก มีเสียงดังครืดคราดในหลอดลม โรคอหิวาต์เป็ดไก่ ที่ทำให้สัตว์ปีกตายจำนวนมาก นอกจากนี้ โรคที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ซึ่งมีการติดต่อจากสัตว์สู่คน คือ โรคไข้หวัดนก"
เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดโรค กรมควบคุมโรค ขอแนะนำเกณฑ์เบื้องต้นในการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติของสัตว์ปีกป่วยตายที่อาจพบได้ ให้ประชาชนทราบ ดังนี้ 1.สัตว์ปีกในฟาร์ม ใน 2 วัน ตาย 1% ขึ้นไป หรือใน 1 วัน พบกินอาหารและน้ำลดลง 20% 2.สัตว์ปีกที่เลี้ยงหลังบ้าน ใน 2 วัน ตาย 5 % ขึ้นไป 3.ตามข้อ 1 และ 2 มีอาการร่วม เช่น ตายกะทันหัน หายใจลำบาก หน้าบวม น้ำตาไหล ชักคอบิด ท้องเสีย ขนยุ่ง ไม่กินอาหาร ไข่ลด ไข่รูปร่างผิดปกติ หงอนเหนียงสีคล้ำหรือหน้าแข้งมีจุดเลือดออก ข้อปฏิบัติ 1.แจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่และปฏิบัติตามคำแนะนำ 2.หากต้องทำลายสัตว์ปีกให้เผาหรือฝัง ขุดหลุมลึกไม่น้อยกว่า 50 ซม. ราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน ฟีนอล ฝังกลบให้แน่น และราดทับด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ 3.ก่อนหยิบซากสัตว์ปีกทุกครั้ง ต้องใช้ผ้าปิดปากและจมูก สวมถุงมือหรือพลาสติก 4.ทำความสะอาดอุปกรณ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำลายถุงมือ ผ้าปิดปากและจมูก โดยการเผาหรือฝัง 5.ไม่ขายหรือทิ้งสัตว์ปีกป่วยหรือตายลงแหล่งน้ำ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว หอบเหนื่อย ให้สวมหน้ากากอนามัยและไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสโรคและประวัติการเดินทาง มีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422