พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการจัดการปัญหามลพิษฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพิจารณาใช้มาตรการต่างๆอย่างรอบคอบ ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ซึ่งในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเพื่อเตรียมมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองตามลำดับขั้นที่ 1, 2 และ 3 แต่หากปัญหาสูงขึ้นไปถึงขั้นที่ 4 ก็จะเข้าข่ายภัยพิบัติ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเกณฑ์นั้น เพราะหากประกาศภัยพิบัติอาจส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จึงต้องมีการแจ้งเตือนค่ามลพิษในอากาศให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง เพื่อจะได้ป้องกันอย่างถูกวิธี แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านอื่นด้วย เพราะหากพูดกันจนเป็นประเด็นการเมืองก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่
ส่วนเหตุผลที่สั่งการให้ปิดโรงเรียน 2 วัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อต้องการดูแลสุขภาพของเด็กนักเรียน และช่วยลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งก็จะทำให้ควันจากรถยนต์ลดลงด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหามลพิษจากการใช้รถมีการบังคับใช้กฎหมายตามปกติอยู่แล้ว จึงยังไม่ต้องมีมาตรการใดเป็นพิเศษ แต่ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบควันดำของรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก และรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งหากรถคันใดไม่ผ่านมาตรฐานก็ให้มีการติดสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ทราบว่าไม่สามารถวิ่งได้ และหากใครพบเห็นควันดำให้แจ้งมาได้ทันที
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นในวันนี้ยังไม่ดีขึ้น ขณะที่ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการเน้นย้ำ ในเรื่องของเคลียร์พื้นที่ก่อสร้าง และการตรวจควันดำของรถเมล์ ซึ่งนอกเหนือการตรวจที่อู่แล้วก็ให้ตรวจในและนอกเส้นทางให้บริการด้วย เนื่องจากการตรวจที่อู่ จะมีจุดอ่อนจากเป็นรถเมล์เปล่า ที่มองไม่เห็นควันดำ ทำให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งยังได้สั่งตรวจสอบวินัยการขับขี่ ในเรื่องของการเร่งเครื่องยนต์ต่างๆ
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุด คือ การ Set Zero ที่ต้องเปลี่ยนใน 4 เรื่อง คือ ไส้กรองอากาศ, ไส้กรองน้ำมัน,ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และทำความสะอาดหัวฉีด ซึ่งต้องทำให้ครบทุกคัน โดยก็ได้เน้นย้ำกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว