นายกฯ ให้โอวาทเด็กไทยยุคใหม่ต้องมีทักษะหลากหลาย ก้าวทันเทคโนโลยี รักสามัคคี และรู้หน้าที่พลเมือง

ข่าวทั่วไป Wednesday January 8, 2020 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ โดยระบุว่า เด็กไทยยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 จะต้องมีทักษะที่หลากหลาย ก้าวทันเทคโนโลยี อยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย รู้หน้าที่ของตนเองในการปฏิบัติตัวเป็นพลเมืองที่ดี สร้างสังคมที่ดีแก่บ้านเมือง ตั้งใจศึกษา พัฒนาตัวเอง และหาตัวเองให้เจอ

เนื่องจากคนที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ จะต้องเป็นคนที่มีทักษะหลากหลาย สิ่งที่ติดตัวมากับทุกคนคือพรสวรรค์ เป็นความถนัดหรือทักษะที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล ซึ่งจะต้องนำทักษะที่ติดตัวมานั้นเสริมด้วยทักษะจากการเรียนรู้ ต้องหาตัวเองให้เจอ เพื่อให้รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะประกอบอาชีพอะไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราทุกคนคือประชากรของโลกใบเดียวกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากประเทศต่างๆ ย่อมส่งผลกระทบมาถึงไทยด้วย สิ่งเหล่านี้ ทุกคนต้องเรียนรู้ความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน เช่นตอนนี้ ปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั้งโลก ความขัดแย้งในบางพื้นที่ที่มีการสู้รบกันในปัจจุบันทำให้มีผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจไปด้วย เพราะเราต้องพึ่งพาการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างกัน ดังนั้นไทยต้องเตรียมความพร้อม แต่สิ่งสำคัญคือ บ้านเมืองต้องสงบสุข เมื่อเราสงบสุขมีสันติ เราสามารถทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เกิดมูลค่าหรือรายได้ หากมัวทะเลาะหรือขัดแย้งกัน ก็จะติดขัดไปทั้งหมด การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลก็เดินหน้าไม่ได้

"สิ่งที่รัฐบาลทำไป ก็ทำเพื่อคนทุกคน ถ้าคนทุกคนสนองตอบแนวนโยบายดังกล่าวได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น หรือถ้าไม่ได้ก็ต้องบอกมา แต่ทั้งหมดต้องคำนึงถึงคนทั้งประเทศด้วย รัฐบาลเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะมาจากหลายพรรค ก็คือรัฐบาลที่ทำหน้าที่เพื่อคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เราพยายามทำให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหารายได้เข้าประเทศให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มทุกพื้นที่ ที่มีความแตกต่างกันมากพอควรในเรื่องคุณภาพชีวิต รัฐบาลจะทำให้ดีขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พร้อมระบุว่า ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้สังคมถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนวัตกรรม ซึ่งทุกสิ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งทำให้คนก้าวไม่ทันเทคโนโลยี จนเกิดช่องว่างในการพัฒนาทั้งในส่วนของตัวเองและในส่วนของประเทศชาติ ดังนั้นในวันนี้รัฐบาลจะเร่งในเรื่องของนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลังด้วย

"สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงในขณะนี้ คือความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การขับเคลื่อนของข้อมูลต่างๆ ที่สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ทุกคนจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการอ่าน โพสต์ หรือส่งต่อว่าใช่หรือไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง เพราะการโพสต์บางข้อมูลทำให้เกิดความเกลียดชัง บิดเบือน ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย สับสน อลหม่านไปหมด ดังนั้นเราต้องมีภูมิคุ้มกันตรงนี้ มีความรู้คู่คุณธรรม รู้จักการวิเคราะห์" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากการศึกษา และครอบครัวแล้ว ศาสนาก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยหนุนนำให้ทุกคนนำไปสู่ความปรองดอง เป็นสังคมที่สมานฉันท์ ไม่เฉพาะศาสนาพุทธ แต่ทุกศาสนาสามารถอยู่ได้ในประเทศไทยอย่างเท่าเทียม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุข ถ้าจะไม่มีความสุขก็เป็นเพราะพวกเรากันเอง ทำอย่างไรจะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาให้ได้ ซึ่งนอกจากทักษะในการประกอบอาชีพที่กล่าวมาแล้ว ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ

"จะเห็นว่ามีการทะเลาะเบาะแว้ง สังคมประกอบด้วยคนหลายส่วน หลายฝ่าย แต่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีน้ำใจ มีจิตอาสา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ทั้งหมดนี่คือสังคมไทยที่เราอาจจะลืมไป บางคนก็ลืม และไปทำให้เกิดปัญหาขึ้นในสังคม ดังนั้นเราต้องมีทักษะในการดำรงชีวิตด้วย เพื่อดำรงชีวิตด้วยตัวเองได้ โดยไม่เป็นภาระต่อสังคม ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว

พร้อมฝากเตือนไปยังเด็กและเยาวชนไทยให้สำนึกว่าเราเกิดในแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ลืมความเป็นไทยไม่ได้ อย่าลืมสิ่งที่บรรพบุรุษได้เคยเสียสละเลือดเนื้อเพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ สมัยก่อนมีการต่อสู้กับศัตรูรอบบ้านจนเราเป็นไทยได้ทุกวันนี้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราต้องสร้างจิตสำนึกในตัวเองขึ้น เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ และคิดที่จะต่อยอดจากสิ่งที่บรรพบุรุษได้ทำไว้ในอดีต

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 ทำเนียบรัฐบาลเตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด "เด็กไทย มีวินัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม" โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมเปิดโอกาสให้เด็กได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้าและห้องทำงานนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กและเยาวชนได้ร่วมเรียนรู้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ