พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน หรือ PM. 2.5 ว่า การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในวันที่ 23 ม.ค.นี้จะมีการพิจารณากำหนดมาตรการต่างๆ ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลจะใช้มาตรการที่เหมาะสม หากแก้ไม่ได้ก็จะยกระดับมาตรการให้มีความเข้มข้นขึ้น เพื่อแก้ปัญหาทีละขั้นตอน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่วว่า ปัญหาเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งมาตรการต่างๆที่ออกมาจะรุนแรงหรือไม่ ต้องดูที่ข้อมูลและเหตุผล และมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่ง เรื่องนี้ ครม.ได้อนุมัติแผนแม่บทไปแล้วก่อนหน้านี้ ที่ประกอบด้วยแผนเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว ขณะที่วันนี้ค่าฝุ่นละอองในแต่ละพื้นที่ระดับความรุนแรงไม่เท่ากัน จึงจะต้องมีมาตรการเฉพาะดูแลในแต่ละพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ามาตรฐานของฝุ่นที่จะต้องแก้ปัญหาตามขั้นตอน โดยค่าฝุ่นระดับไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) หรือระดับที่ยังไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ก็ใช้มาตรการปกติในการดูแล ส่วนระดับ 51-75 มคก./ลบ.ม.อยู่ในระดับที่ผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด และผู้ว่าราชการ กทม. จะต้องเข้มงวดมาตรการลดปัญหาในพื้นที่
ขณะที่หากสูงถึง 76-100 มคก./ลบ.ม.ก็จะต้องเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะปริมาณรถยนต์ที่เข้า-ออกในพื้นที่ หรือการกำหนดวันในการใช้รถ และหากค่าฝุ่นเกิน 100 มคก./ลบ.ม.รัฐบาลก็ต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเต็มที่ หรือหยุดการใช้รถยนต์ทั้งหมดในพื้นที่แล้วให้มาใช้รถสาธารณะแทน หรือห้ามใช้รถที่มีอายุเกิน 10 ปีวิ่งบนท้องถนน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เข้าใจปัญหาของทุกฝ่าย แต่หากไม่ร่วมมือและร่วมกันดูแลปัญหาก็คงแก้ไขได้ยาก ซึ่งวันนี้แก้ปัญหาทั้งการไปดูในเรื่องของการก่อสร้างจะต้องใช้ผ้าคลุมฝุ่น รวมถึงการล้างล้อรถ
สำหรับข้อเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่รุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะใช้มาตรการใดต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากกรณีใดกรณีหนึ่ง เช่น ควันดำจากรถทุกประเภทก็สามารถสร้างปัญหาฝุ่นละอองได้ ไม่ใช่เพียงแค่รถบรรทุกเท่านั้น แต่เรื่องของรถควันดำก็ได้สั่งการเข้มงวดตรวจสอบอย่างเต็มที่ ขณะที่มาตรการลดการเผาก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ในส่วนของสถานศึกษาก็ขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการของโรงเรียนพิจารณาว่าจะหยุดเรียนหรือไม่ แต่จะต้องมีการชดเชยการเรียนการสอน
ส่วนกรณีที่ที่ดารา นักแสดง และประชาชนต่างตำหนิมาตรการที่ออกมานั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ขอให้เปิดใจรับฟังกันบ้าง และรับรู้การทำงานของรัฐบาล ว่า ทุกอย่างมันต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งหมด ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกคนต้องมีจิตสำนึกรวมกันดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) เห็นชอบในหลักการ 12 มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แต่ยังไม่สามารถลงลึกในรายละเอียด เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในวันที่ 23 ม.ค.นี้
"จะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อที่จะพูดคุยในระดับปฏิบัติการให้ชัดเจน เราไม่ได้มีอะไรติดขัดกับมาตรการ แต่อยากให้การดำเนินการเป็นไปได้จริงไม่ได้ออกมาตรการเฉยๆ จากนั้นจะมีการแถลงผลการประชุมอย่างชัดเจนตามมา ว่าพื้นที่กทม.ทำอะไรไปแล้วบ้าง พื้นที่ปริมณฑลทำอะไรบ้าง และในจังหวัดต่าง ๆ ผู้ว่าฯ จะมีอำนาจรับผิดชอบตรงไหนอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจำกัดพื้นที่ในการให้รถยนต์เข้ามา หรือรถกระบะเข้ามาในพื้นที่ไหนได้บ้าง เรื่องการเผาในที่โล่งจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจัง"
ส่วนเรื่องที่ให้โรงเรียนสามารถหยุดเรียนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาฝุ่นพิษได้หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องของโรงเรียนอยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการสามารถพิจารณาได้เองว่าจะหยุดเรียนหรือไม่ ซึ่งอยู่ในแผนปฏิบัติการ