สธ.ชี้วัคซีนอย่างเดียวคุมโควิด-19 ไม่ได้ ต้องอาศัยมาตรการอื่นร่วมด้วย

ข่าวทั่วไป Wednesday March 24, 2021 17:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกยังมียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้เสียชีวิตคงที่ซึ่งน่าจะเป็นการยืนยันได้ว่ามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจะต้องอาศัยมาตรการต่างๆ ตามหลักชีวอนามัยร่วมกัน ไม่ใช่แค่การฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียว

โดยสถานการณ์ในต่างประเทศมีสาเหตุแตกต่างกันไป อย่างที่สหรัฐอเมริกามีการผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไทย บราซิลยังไม่มีวัคซีนใช้งานเพียงพอ รัสเซียเปิดให้ผู้ที่เดินทางจากยุโรปที่มีการแพร่ระบาดเข้าประเทศ ฝรั่งเศสมีการแพร่ระบาดหลายคลัสเตอร์ อิตาลีมีประชากรผู้สูงอายุมากเป็นอันดับสองของโลก

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศช่วงนี้จะอยู่ในกรุงเทพฯ สมุทรสาคร และปริมณฑล โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อจากสถานที่เดิม ได้แก่ ตลาด ชุมชนใกล้เคียง ชุมชนแรงงานต่างด้าว และโรงงาน สาเหตุที่ติดเชื้อเนื่องจากมีการคลุกคลี อยู่ในพื้นที่แออัด ไม่มีมาตรการป้องกัน นอกจากนี้ยังพบการลักลอบเข้าออกในพื้นที่ชายแดน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะที่ระบบสาธารณสุขสามารถควบคุมได้

สำหรับคลัสเตอร์โรงงานทำขนมโดนัทในเขตบางขุนเทียนนั้น เมื่อวันที่ 23 มี.ค.64 ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อรวม 17 ราย เป็นชายไทย 1 ราย ชายเมียนมา 2 ราย หญิงไทย 2 ราย และหญิงเมียนมา 12 ราย โดยโรงงานมีคนเข้าออกตลอดเวลา มีพนักงาน 71 คน แบ่งเป็นแผนกมีการประสานงานกัน ไม่มีลิฟต์ ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางใช้ร่วมกัน มีการสแกนนิ้วและใบหน้า มีการคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้างาน มีจุดล้างมือ หนักงานทุกคนสวมใหน้ากากอนามัยตลอกดเวลา มีการทำความสะอาดเป็นเวลาแต่ดำเนินการไม่ครบถ้วน ส่วนที่พักอาศัยเป็นอาคารพาณิชย์แบ่งห้องเช่า มีผู้พักอาศัยราว 70 คน ไม่มีมาตรการป้องกันควบคุมโรค ไม่มีการลงทะเบียน การตรวจคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร ไม่มีจุดล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัยไม่เคร่งครัดจัด

ส่วนกรณีศูนย์กักกัน ตม.ที่เขตบางเขนนั้นได้ดำเนินการควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบให้เกิดการแพร่เชื้อออกไปยังชุมชนด้านนอก

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนล็อตใหม่ 8 แสนโดสจากซิโนแวกจะกระจายไปยัง 22 จังหวัด 5.9 แสนโดส ได้แก่ 1.กลุ่มจังหวัดที่มีความจำเป็นในการควบคุมการระบาด 6 จังหวัด จำนวน 3 แสนโดส ได้แก่ สมุทรสาคร 1 แสนโดส กรุงเทพฯ 5 หมื่นโดส อ.แม่สอด จ.ตาก 7.5 หมื่นโดส ปทุมธานี 2.5 หมื่นโดส สมุทรปราการ 2.5 หมื่นโดส นนทบุรี 2.5 หมื่นโดส 2.กลุ่มท่องเที่ยว 8 จังหวัด จำนวน 2.4 แสนโดส ได้แก่ ชลบุรี (รวมพัทยา) 2 หมื่นโดส ระยอง 2 หมื่นโดส เชียงใหม่ 2 หมื่นโดส ขอนแก่น 1 หมื่นโดส กระบี่ 1 หมื่นโดส พังงา 1 หมื่นโดส อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 5 หมื่นโดส ภูเก็ต 1 แสนโดส และ 3.กลุ่มชายแดน 8 จังหวัด จำนวน 6 แสนโดส ได้แก่ สงขลา 1 หมื่นโดส สระแก้ว 1 หมื่นโดส เชียงราย 5 พันโดส มุกดาหาร 5 พันโดส นราธิวาส 5 พันโดส ระนอง 5 พันโดส หนองคาย 5 พันโดส จันทบุรี 5 พันโดส ส่วนที่เหลืออีก 2.1 แสนโดสจะฉีดให้บุคลากรสาธารณสุข อสม. เจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นๆที่จำเป็น และควบคุมการระบาดในจังหวัดใหม่

ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในประเทศล่าสุดมีผู้ได้รับวัคซีนสะสม 96,188 ราย ใช้วัคซีนไปแล้ว 102,050 โดส โดยเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 96,188 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มสอง 5,862 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ