ภาคเอกชน แนะล็อกดาวน์เฉพาะจุดเสี่ยงสูงควบคู่ดูแล-เยียวยาพร้อมเร่งฉีดวัคซีน

ข่าวทั่วไป Friday July 9, 2021 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยผลประชุม 40 CEOs (พลัส) ว่า ภาคเอกชนต่างรู้สึกเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกระทบต่อเนื่องไปยังความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่การจัดหาและการกระจายวัคซีนก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในมุมมองของ 40 CEOs (พลัส) เสนอให้จำกัดเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ควรล็อกดาวน์ทั้งประเทศ โดยให้ดำเนินการควบคุมเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมาก งดการเคลื่อนย้ายของประชาชน เน้นให้ประชาชนทำงานที่บ้านเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

นอกจากนั้น มาตรการที่จะประกาศใช้ต้องคำนึงและให้ครอบคลุมถึงแนวทางการดูแลและเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนควบคู่กันไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเคลื่อนย้ายของประชาชนกลับภูมิลำเนา ซึ่งส่งผลให้การระบาดกระจายไปทั่วประเทศ และในที่สุดจะนำไปสู่ความล้มเหลวทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (เจ็บแต่ไม่จบ) และจะลามไปถึงปัญหาทางสังคมอีกในอนาคต

ขณะที่ปัจจุบันการฉีดวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยมีประชาชนที่ได้รับวัคซีน 1 โดส 13% และครบ 2 โดสเพียง 4% ของประชากรทั้งประเทศ สาเหตุเพราะจัดหาวัคซีนได้น้อยกว่าแผน ดังนั้น จึงขอเสนอให้ภาครัฐเตรียมการจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เร็วและเพียงพอ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน 25 ศูนย์นอกโรงพยาบาลของหอการค้าไทยและภาคีมีความสามารถจะเสริมและรองรับการกระจายวัคซีนได้ถึง 80,000 โดสต่อวัน และมีมาตรการรองรับผู้ฉีดทุกกลุ่มอายุ แบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ จึงอยากให้ภาครัฐใช้ศูนย์ฉีดฯนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ ภาครัฐควรจัดหายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะมารักษาเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ และเพิ่มจำนวนเตียงที่มารองรับผู้ป่วยให้มากขึ้นอีกด้วย รวมถึงมีมาตรการ Home Isolation ที่ชัดเจน พร้อมเสริมการตรวจเชิงรุกโดย Rapid test ในราคาที่เหมาะสม เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมา

สำหรับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ได้เปิดดำเนินการไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนภารกิจต่างๆ และนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ซึ่งหอการค้าไทยเห็นด้วยที่จะมีการนำไปขยายผลการทดลองเปิดนี้ไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการจัด COE (Certificate of Entry) และขอเสนอให้นำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น Digital Vaccine Passport ที่ได้มาตรฐานและนานาชาติยอมรับ เพราะไม่สามารถปลอมแปลง และตรวจสอบความถูกต้องได้

"แม้ว่าการเปิดประเทศจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า หอการค้าฯ และภาคีภาคเอกชน เห็นว่ารัฐบาลควรมุ่งเป้าไปที่การตรวจในเชิงรุก ควบคุมการแพร่ระบาดและเร่งกระจายวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายก่อน ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้นกว่านี้ การเปิดประเทศคงเป็นไปได้ยาก" นายสนั่น กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ