สธ.เผยคนส่วนใหญ่เลือกถอดหน้ากากบางพื้นที่ ย้ำกลุ่มเสี่ยงสูงควรสวมเมื่ออยู่ร่วมผู้อื่น

ข่าวทั่วไป Tuesday July 19, 2022 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สธ.เผยคนส่วนใหญ่เลือกถอดหน้ากากบางพื้นที่ ย้ำกลุ่มเสี่ยงสูงควรสวมเมื่ออยู่ร่วมผู้อื่น

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถสวมหน้ากากอนามัยโดยความสมัครใจ โดยปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษา จึงได้ทำการสำรวจการเฝ้าระวังการตัดสินใจ ต่อมาตรการปลดล็อกการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว พบว่า ประชาชน 36.3% เลือกจะสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม ขณะที่ประชาชน 62.8% เลือกถอดหน้ากากอนามัยบางพื้นที่ ส่วนประชาชน 0.9% เลือกไม่สวมหน้ากากอนามัยเลย

อย่างไรก็ดี ยังคงมีประชาชนที่เลือกถอดหน้ากากอนามัยในบางสถานที่ หรือบางสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยง ดังนี้ 1. ในสถานบริการ สถานบันเทิง 12.53% 2. ในโรงภาพยนตร์ 10.35% 3. ในห้างสรรพสินค้า 9.79% 4. ในตลาด 8.95% และ 5. ในขนส่งสาธารณะ 8.78%

"จากผลสำรวจพบว่าประชาชนไม่สวมหน้ากากในสถานบริการ สถานบันเทิง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 จากการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และหากใช้แก้วน้ำในการดื่มเครื่องดื่มร่วมกัน จะแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ได้มากเช่นกัน" นพ.ธเรศ กล่าว

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ถึงแม้มีการผ่อนคลายมาตรการให้สวมและถอดหน้ากากตามความสมัครใจ ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ยังทรงตัว และอาจมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จึงขอแนะนำให้ประชาชนยังคงป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก รวมทั้งสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท

สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการหรือใกล้ชิดบุคคล ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น และเคร่งครัดมาตรการป้องกันการติดโรคโควิด-19 ขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention: UP) โดยเฉพาะล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) คัดกรองเบื้องต้น ทุก 3-5 วัน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงและการแพร่กระจายไปยังกลุ่มเพื่อน และในครอบครัวต่อไป

ทั้งนี้ ผลการสำรวจดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและวิทยาลัยเทคนิค ในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 7,507 ราย ดำเนินการสำรวจผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 17-30 มิ.ย. 65


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ