สทนช. ประสานหน่วยงานเร่งระบายน้ำในแม่น้ำท่าจีน ลดผลกระทบพื้นที่ อ.นครชัยศรี

ข่าวทั่วไป Tuesday November 8, 2022 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวภายหลังติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำท่าว่า ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนยังคงทรงตัว เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่ระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำและจากลำน้ำสาขา ได้แก่ คลองพระพิมล คลองโยง ที่ไหลเข้ามาสมทบเพิ่มเติมเข้าสู่แม่น้ำท่าจีน ประกอบกับน้ำทะเลที่หนุนสูงในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะหนุนสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย.นี้ และยังพบว่าเรือขนสินค้าก็เป็นอุปสรรคสำคัญกับการระบายน้ำด้วยส่วนหนึ่ง โดย สทนช.ภาค 2 จะมีการประสานกรมเจ้าท่า และจังหวัดนครปฐม เพื่อพิจารณาดำเนินการประสานขอความร่วมมือผู้ประกอบการจัดระเบียบเรือขนส่งในช่วงที่เร่งระบายน้ำในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน

"ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ สทนช.ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการเร่งด่วน โดยการวางบิ๊กแบ๊คปิดคลองบางแก้ว เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำท่าจีนไหลเข้าคลองบางแก้ว พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากคลองบางแก้วลงสู่แม่น้ำท่าจีน ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการสำรวจและวางเครื่องจักรเครื่องมือพร้อมแล้ว วันพรุ่งนี้ จะเริ่มวางโครงสร้างกำแพงเหล็กหรือชีทพาย ก่อนวางบิ๊กแบ๊คเพื่อปิดคลองบางแก้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนที่น้ำทะเลหนุนสูงสุด เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในปัจจุบันคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" นายสุรสีห์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้าฯ ภาคกลาง ได้ประสานกองทัพเรือเพิ่มจุดติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำสะพานวัดเทียนดัดอีกจำนวน 30 เครื่อง ซึ่งจะติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมดภายในคืนนี้ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วขึ้น ซึ่งสถานการณ์น้ำแม่น้ำท่าจีนปัจจุบันระดับน้ำที่ อ.นครชัยศรี ยังคงสูงกว่าระดับตลิ่งประมาณ 30 เซนติเมตร ขณะที่ อ.สามพราน ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 85 เซนติเมตร แต่ยังต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่อาจจะส่งผลกระทบที่น้ำจะเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำได้ ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางกระสอบทรายเพื่อป้องกันผลกระทบแล้วเช่นกัน

สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,094 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการน้ำเร่งระบายน้ำ สูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังทำให้ระดับน้ำลดลงเร็วกว่าแผนได้ถึงประมาณ 2 สัปดาห์ รวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำที่ท่วมขัง ควบคู่กับการเร่งมาตรการฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วตามระเบียบราชการโดยเร็วต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ