เอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่องวิธีหาทางออกจากปัญหาหนี้สินและแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งพบว่า วิธีการที่ประชาชนเลือกใช้มากที่สุดในการบริหารจัดการหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนนั้น อันดับแรก 92.3% คือการใช้ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง รองลงมา 91.5% คือการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และ 89.4% คือการไม่สร้างหนี้เพิ่ม
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 88.2% ระบุว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยวันนี้ย่ำแย่ แต่ถือว่าดีขึ้นหากเทียบกับผลสำรวจช่วงเดือน เม.ย.ที่มีประชาชนถึง 94.4% ระบุว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ โดยเดือน พ.ค.นี้มีประชาชน 11.8% ระบุว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในเดือน เม.ย.ที่มีประชาชนเพียง 5.6% ระบุว่าเศรษฐกิจดีขึ้น
นอกจากนั้นการสำรวจในเดือน พ.ค.นี้ยังพบว่า ประชาชน 34.4% ระบุว่ามีรายได้ดี ซึ่งถือว่าดีขึ้นจากการสำรวจในเดือน เม.ย.ที่ประชาชนระบุว่ามีรายได้ดี 21.9% ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ 57.6% ระบุว่ามีความจำเป็นในการผ่อนชำระค่าสินค้า/บริการ ส่วนอีก 42.4% ระบุว่าไม่มีความจำเป็น
โดยสินค้า/บริการที่ประชาชนส่วนใหญ่จำเป็นต้องผ่อนชำระมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เงินกู้เพื่อซื้อรถ, เงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย, เงินกู้เพื่อซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก, บัตรเครดิต/บัตรเงินสด และเงินกู้เพื่อการประกอบธุรกิจหรือสร้างรายได้เสริม
สำหรับวิธีที่ประชาชนใช้ลดปัญหาเศรษฐกิจส่วนตัวในปัจจุบัน อันดับแรกคือก่อนซื้อสินค้าต้องถามใจตัวเองว่าจำเป็นต้องซื้อหรือว่าเป็นแค่ความอยากได้ รองลงมาคือการใช้เครื่องมือสื่อสารแทนการเดินทาง และการหันมาซื้อสินค้าราคาถูกที่ใช้งานแทนกันได้
ผลสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชน 1,140 ครัวเรือน จาก 17 จังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา