สธ.เผยแนวโน้มผู้ติดเชื้อเอชไอวีปีนี้กว่า 1 ใน 4 มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ

ข่าวทั่วไป Wednesday May 27, 2009 15:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.สาธารณสุข เผยแนวโน้มผู้ติดเชื้อเอชไอรายใหม่ในประเทศไทยปีนี้กว่า 1 ใน 4 เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมนิยมไม้ป่าเดียวกัน โดยตั้งเป้าลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้ได้วันละไม่เกิน 20 คน ภายในปี 2554 จากปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มวันละ 32 คน และจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมการติดเชื้อเอชไอวีในปี 2551 พบกลุ่มพนักงานชายและหญิงในสถานประกอบการหรือโรงงาน มีความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่ถูกต้องเพียง 43% เท่านั้น

"กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการดำเนินงานภายในปี 2554 จะลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้ได้ 50% หรือไม่เกินวันละ 20 ราย" นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าว

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยคาดว่าจะมีผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อเอดส์สะสมตั้งแต่ปี 2527-2552 ประมาณ 1,127,168 ราย ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 516,632 ราย และคาดว่าในปี 2552 จะมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ 11,753 คน เฉลี่ยวันละ 32 คน โดย 42% ติดจากคู่นอนประจำ หรือติดจากสามี/ภรรยา อีก 29% หรือกว่า 1 ใน 4 ติดเชื้อในกลุ่มชายรักชาย

สำนักระบาดวิทยา รายงานว่า มีผู้ป่วยเอดส์สะสมขึ้นทะเบียนรักษาตั้งแต่ปี 2527 จนถึงวันที่ 30 เม.ย.52 จำนวน 349,238 ราย เสียชีวิตแล้ว 94,507 ราย ซึ่งการเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากการได้รับยาต้านไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยเอดส์ส่วนใหญ่เป็นวัยแรงงาน และวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15-59 ปี 93%

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ภายในปี 2554 กลุ่มผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์จะต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างครอบคลุมทั่วถึง และต้องเข้าถึงบริการทางสังคมได้ไม่น้อยกว่า 80% ซึ่งการดำเนินงานของไทยได้รับคำชื่นชมจากโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ(UNAIDS) ว่ามีความเข้มแข็ง แม้ว่าประเทศจะประสบวิกฤติเศรษฐกิจก็ตาม แต่สามารถดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจนให้เข้าถึงยาต้านไวรัสอย่างทั่วถึงเป็นตัวอย่างของทั่วโลก

ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในปี 2551 ซึ่งทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 เน้นในประชากร 5 กลุ่ม พบว่า กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และปีที่ 5 นักเรียนอาชีวศึกษา นักเรียนชาย-หญิง เคยมีประสบการณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มการใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 52% ยกเว้นนักเรียนหญิงมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีแนวโน้มการใช้ถุงยางอนามมัยลดลงจาก 50% เป็น 48%,

ในกลุ่มพนักงานชายและหญิงที่ทำงานแล้ว พบว่า กลุ่มพนักงานในสถานประกอบการมีความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่ถูกต้องเพียง 43%, ในกลุ่มทหารกองประจำการมีแนวโน้มของการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นสูงขึ้นเป็น 48% ใช้ถุงยางอนามัย 69% และมีความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่ถูกต้องเพียง 38% กลุ่มพนักงานบริการทางเพศมีพฤติกรรมการใช้ถุงยางในกลุ่มลูกค้าประจำ 94% แต่ใช้ถุงยางอนามัยกับสามีเพียง 41% และยังพบว่ากลุ่มพนักงานบริการทางเพศมีความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่ถูกต้องเพียง 39% เท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ