เอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจฐานสนับสนุนของสาธารณชนต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หลังข่าวความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า แนวโน้มประชาชนส่วนใหญ่ถึง 68.6% ให้การสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับการสำรวจในเดือน ก.ย.52 ที่ประชาชนให้การสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันเพียง 23.3% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว
เมื่อจำแนกตามลักษณะทั่วไปของประชาชนพบว่า ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้นของสังคมไทยส่วนใหญ่หันมาสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แตกต่างไปจากการสำรวจครั้งก่อนที่พบว่าคนส่วนใหญ่อยู่ตรงกลาง โดยครั้งนี้แม้แต่ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือส่วนใหญ่ต่างให้การสนับสนุนรัฐบาลนี้เช่นกัน
โดยภาคใต้ให้การสนับสนุนมากสุดที่ 88.2% รองลงมาคือ ภาคกลาง 68.9%, กรุงเทพมหานคร 68.8%, ภาคเหนือ 64.6% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 53.1%
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า ผลวิจัยครั้งนี้น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์ของผู้นำประเทศกัมพูชาที่โจมตีกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศไทย และข่าวที่ผู้นำกัมพูชาจะรับรอง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา ส่งผลให้กลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับอดีตนายกรัฐมนตรีหันมาสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศอยู่ ดังนั้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการเมืองระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาครั้งล่าสุดนี้ กลับเป็นผลดีต่อการรักษาฐานสนับสนุนของสาธารณชนต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันมากกว่า
ผลสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 3,709 ตัวอย่าง ดำเนินการสำรวจตั้งแต่ 25 ต.ค.-5 พ.ย.52