สำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐ เปิดเผยว่า ในการสำรวจสำมะโนประชากรล่าสุดพบว่า สหรัฐอเมริกามีประชากรมากกว่า 308 ล้านคน โดยเท็กซัสเป็นรัฐที่มีประชากรขยายตัวเร็วที่สุดในช่วง 1 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นราว 478,000 คน มาอยู่ที่ประมาณ 24.8 ล้านคน
แคลิฟอร์เนียตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น 381,000 คน นอร์ทแคโรไลน่าอันดับ 3 โดยมีประชากรใหม่เพิ่มขึ้น 134,000 คน อันดับ 4 ได้แก่ จอร์เจีย ซึ่งมีประชากรเพิ่มขึ้น 131,000 คน และฟลอริดา อยู่ที่อันดับ 5 ด้วยจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น 114,000 คน
ส่วนรัฐที่มีประชากรมากที่สุดนั้น แคลิฟอร์เนียยังคงรั้งอันดับ 1 ด้วยจำนวนประชากร 37 ล้านคน ตามมาด้วยเท็กซัส นิวยอร์ก ฟลอริดา และอิลลินอยส์
สำหรับสาเหตุที่ทำให้รัฐเท็กซัสมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากกว่ารัฐอื่นๆ เป็นเพราะปัจจัยเรื่องการจ้างงาน โดยก่อนหน้าที่เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะถดถอย ฟลอริดาได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นรัฐที่มีประชากรเพิ่มมากที่สุด
โดยสำนักงานสถิติแรงงานเปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างเดือนก.ค.2548 ถึงก.ค.2552 เท็กซัสมีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 648,600 ตำแหน่ง ขณะที่การล่มสลายของอุตสาหกรรมก่อสร้างทำให้การจ้างงานในฟลอริดาลดลง นอกจากนี้ การที่ประชาชนลดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ยังส่งผลให้อุตสาหกรรมการบริการในฟลอริดาเลิกจ้างงานด้วยเช่นกัน
ขณะที่เนวาดาและแคลิฟอร์เนียเป็นสองรัฐที่มีชาวอเมริกันย้ายถิ่นฐานออกจากรัฐเพิ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และอัตราการขยายตัวได้ชะลอตัวอย่างมากในแอริโซนา จอร์เจีย และนอร์ทแคโรไลนา ขณะที่รัฐอย่าง นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และแมสซาชูเซตส์กำลังดึงดูดผู้อยู่อาศัยใหม่ๆเข้ามามากกว่าที่จะมีประชากรย้ายออก