เอแบคโพลล์เผยคะแนนนิยม พท.ยังเหนือ ปชป.เหตุ ครม.ทิ้งทวนถูกมองแบ่งเค้ก

ข่าวการเมือง Sunday May 8, 2011 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจเปรียบเทียบจุดแข็งระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่คือ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และพรรคเพื่อไทย(พท.) ในสายตาของสาธารณชนแล้วพบว่า พรรคเพื่อไทยยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหนือพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกตัวชี้วัด ยกเว้นเรื่องเดียว คือ ความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต

"ร้อยละ 51.6 ระบุความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ร้อยละ 48.4 ระบุเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่ค้นพบในเรื่องนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติเพราะเป็นตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เมื่อพิจารณาตัวชี้วัดจุดแข็งด้านอื่นๆ พบว่า พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์อย่างมากและมีนัยสำคัญทางสถิติ" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ระบุในเอกสารเผยแพร่

โดยด้านวิสัยทัศน์แนวนโยบาย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 59.0 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.0, ด้านความรวดเร็วในการบริหารงาน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.5, ด้านอุดมการณ์ประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 55.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 44.5, ด้านการเข้าถึงประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.8 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.2 ,

ด้านความสามารถด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.4, ด้านการพัฒนาสังคม พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 57.2 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 42.8, ด้านการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.1, ด้านการเป็นที่ยอมรับของประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 60.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 39.1, ด้านการเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 58.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.4 และด้านความเจนจัดทางการเมือง จัดสรรตำแหน่ง ประสานประโยชน์ เจรจาต่อรองได้ลงตัว พรรคเพื่อไทยได้ 58.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.1

และหากวันนี้เป็นวันเลือกประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกพรรคการเมืองใดในบัญชีรายชื่อ พบว่า เสียงสนับสนุนของประชาชนที่ตั้งใจจะเลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคประชาธิปัตย์ลดลงจากร้อยละ 39.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 34.1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงโหวตไม่แตกต่างจากการสำรวจครั้งก่อนคือร้อยละ 36.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 36.4 ส่งผลทำให้พรรคเพื่อไทยจะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่น่าจับตามองคือ เสียงสนับสนุนของประชาชนต่อพรรคการเมืองอื่นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 29.5

ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า หลังจากการอนุมัติงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ไม่ปกติจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแบ่งเค้กและเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนต่อจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ได้ เมื่อเสียงสนับสนุนของประชาชนต่อพรรคประชาธิปัตย์ตกลง พรรคเพื่อไทยจึงกลายเป็นพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูงกว่า ดังนั้น แนวทางการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองพรรคนี้สามารถออกมาในเชิงสร้างสรรค์ไม่เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทยได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยให้ความเชื่อมั่นและใช้ทุนทางการเมืองที่มีอยู่หล่อเลี้ยงฐานคะแนนเสียงของตนไว้ไม่ให้เพลี่ยงพล้ำเกิดความรุนแรงขึ้นเพราะจะสูญเสียกลุ่มคนที่เป็นกระแสไป ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสชนะเช่นกันถ้านำงบประมาณที่อนุมัติไปเร่งผลิตผลงานให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนและหาแนวทางลดทัศนคติของประชาชนที่ว่า "ทุกรัฐบาลก็โกงด้วยกันทั้งนั้น"

"ถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถทำให้สาธารณชนมั่นใจว่า จะเป็นรัฐบาลที่โปร่งใส ประกาศสงครามกับปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ก็น่าจะทำให้ความนิยมของสาธารณชนที่ตั้งใจจะเลือกพรรคเพื่อไทยเพิ่มสูงขึ้นไปอีกได้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องทำงานหนักขึ้นในหลายตัวชี้วัดที่ทำให้ผลงานปรากฏต่อสาธารณชนในลักษณะที่ว่าต้องทำให้สิ่งที่ประชาชนเห็นจอทีวี กับความเป็นจริงหน้าบ้านและในบ้านของประชาชนตรงกันก็น่าจะทำให้คะแนนนิยมของสาธารณชนต่อรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน" นายนพดล กล่าว

ทั้งนี้ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ได้ทำการสำรวจเรื่องดังกล่าวจากประชาชน 17 จังหวัดทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 2,143 ตัวอย่าง ช่วงวันที่ 1-7 พ.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ