แกนนำพรรคเพื่อไทยรุมจวกรัฐบาลยุบสภาแล้วทิ้ง 9 ภาระไว้ให้กับประชาชน

ข่าวการเมือง Tuesday May 10, 2011 15:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว สิ่งที่สามารถมองเห็นได้คือภาระ 9 ประการที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทิ้งไว้ให้กับประชาชน เพราะหลังจากฟังการแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยถึงสาเหตุการยุบสภาและผลงานของรัฐบาลแล้วรู้สึกเคลิบเคลิ้มว่านายกรัฐมนตรีรู้ปัญหาทุกเรื่อง ทำงานไปเยอะ แต่ความจริงกลับไม่ได้ทำอะไรเลย

"พอกันทีสำหรับ 2 ปีที่มืดมน หดหู่ เสียหายทางเศรษฐกิจ เดือดร้อน และวุ่นวาย เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นเศรษฐกิจเสียหายพังยับเยิน ประชาชนประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง สังคมแบ่งแยก ขาดความยุติธรรม ทุจริตคอรัปชั่น กินไม่เลือก ไร้ยางอาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง หนี้สินของประเทศเกิดขึ้นมากมายจนประเทศใกล้ล้มละลายแล้วหรือไม่ รัฐบาลคิดอะไรไม่ค่อยเป็นนอกจากกู้เงินมาใช้" นายปลอดประสพ กล่าว

นายปลอดประสพ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้นายกฯพูดว่าได้ทำไปเยอะ แต่ที่ทำไม่สำเร็จก็เยอะ แต่อยากบอกว่าที่ทำมาเยอะไม่ถูกสักเรื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าประชาชนคงไม่อนุญาตให้ทำต่อ ดังนั้นขอทบทวนว่าเมื่อมาไม่ถูกต้องและประชาชนไม่เคยเลือกมาเป็นรัฐบาล กลับไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหารซึ่งเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง จึงอยากบอกว่า คุณควรจากไป โดยไม่มีใครมีเยื่อใย คงจะดีใจที่ได้พ้นๆ ไปเสียที

"คุณจากไป รู้ไหมได้ทิ้งมรดกบาปให้ประชาชนและทิ้งปัญหาให้คนอื่นเข้ามาแก้ไข คุณรู้ไหมทิ้งภาระให้ประชาชนไว้มากมายอย่างยิ่ง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ขอเรียนว่า เราขออาสามาแก้ไข อาสามารับใช้ประชาชนและมั่นใจทำได้ เราเชื่อในสติ ปัญญา และความมุ่งมั่นของเรา เชื่อว่าจะสะสางปัญหาได้อย่างแน่นอนเพราะเราเคยทำสำเร็จมาแล้ว" นายปลอดประสพ กล่าว

ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากทำให้ประชาชนรู้สึกดีก็คงไม่เป็นไร แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้น

ด้านนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า พรรคฯ ได้ไปตรวจสอบการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งสุดท้ายพบว่ารัฐบาลทิ้งทวนงบประมาณโดยไม่มีการพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นงบประมาณกลางที่ใช้หมดแล้ว พรรคฯ จึงอยากจะตั้งคำถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจนต้องนำงบประมาณกลางมาช่วยเหลือประชาชน

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีต รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มที่ผ่านมาเป็นภาระที่รัฐบาลได้สร้างปัญหาเรื่องค่าครองชีพขึ้นมา ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มเอง และยังมีปัญหาราคาสินค้าแพง เช่น ราคาไข่ไก่ ราคาเนื้อหมู ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีการแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้ประชาชนต้องแบกรับปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต ส.ส.กทม. กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารงานแบบไม่มีความโปร่งใส และมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ตลอด เช่น งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการเบิกจ่ายเงินไปแบบไม่โปร่งใส และมีการยอมรับในที่ประชุมของรัฐสภาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดในทีมของรัฐบาลออกมารับผิดชอบ และมีเรื่องหนึ่งที่ตนเองให้ความสำคัญก็คือการประชุมของคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายที่มีการถลุงเงินงบประมาณมากขนาดนี้ และไม่มีรัฐบาลชุดไหนกล้าทำมาก่อน ทั้งนี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับเข้ามาอยู่ในสถานะใดภายหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จะติดตามและตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

นางฐิติมา ฉายแสง อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศแบบล้มเหลว และไม่มีการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เป็นการบริหารประเทศแบบเปลี่ยนสนามการค้าเป็นสนามรบแทน ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ที่ประชาชนคนไทยจะต้องวิ่งหนี ลี้ภัย สงครามเช่นนี้มาก่อน รัฐบาลทำมาตรการทางการทูตรุนแรงจนเกินไป แต่ทางรัฐบาลก็ยังมีความสามารถที่ปลุกกระแสความคลั่งชาติขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่เคยแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ เลย แต่กลับทำให้ประเทศไทยเป็นภาระของอาเซียน

"ดีแล้วที่มีการประกาศยุบสภา เพราะจะทำให้ประเทศเจริญขึ้น ปัญหาตรงนี้พรรคเพื่อไทยจะสามารถนำประเทศกลับเข้าสู่เวทีของอาเซียนได้อีกครั้งหนึ่ง" นางฐิติมา กล่าว

นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคฯ กล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศแบบมีการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริงได้อยากลำบาก มีการปิดหูปิดตาประชาชนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้การทำงานของสื่ออยู่ในระดับเดียวกันกับประเทศอัฟกานิสถาน เกาหลีเหนือ อิรัก ซึ่งประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยไม่น่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น อีกทั้งยังมีความสงสัยในการเสียชีวิตของรัฐบาลญี่ปุ่น จนกระทั่งถึงวันนี้ทางรัฐบาลยังไม่มีความจริงให้กับทางญี่ปุ่นเลย

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคฯ กล่าวว่า ภาระในส่วนของปัญหายาเสพติดนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ทางรัฐบาลทิ้งเอาไว้ให้กับประชาชนคนไทย โดยตัวเลขของการจับกุมในคดียาเสพติดนั้นมีตัวเลขสูงขึ้นกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาอย่างมาก จนทำให้พบว่าในตอนนี้มียาเสพติดระบาดอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจากการศึกษาของทางสหรัฐอเมริกานั้น พบว่าในปี 2553 นั้นประเทศไทยมีผู้เสพยาบ้ามากที่สุดในโลก และมีอายุที่น้อยลงทุก ๆ วัน

ด้านนายภาวิช ทองโรจน์ รองประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ. สมาชิกพรรคฯ กล่าวว่า ภาระด้านการศึกษา โดยเฉพาะนโยบายเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลนั้น เป็นนโยบายซ่อนเร้น เพราะในความเป็นจริงนั้นเรื่องนี้เป็นบทบัญญัติในกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ที่ระบุว่ารัฐจะต้องส่งเสริมให้เยาวชนเรียนพรี 12 ปี และนโยบายนี้ก็เป็นแค่นโยบายต่อเนื่องของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ อีกทั้งการเรียนฟรีของรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้มาตรฐานการเรียนของเยาวชนไทยก็ต่ำลงด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ