โฆษกพันธมิตรฯ ระบุศาลโลกเรียกหลักฐานเพิ่มสัญญาณไม่ดี คาดเดินหน้าวินิจฉัยต่อ

ข่าวการเมือง Thursday June 2, 2011 13:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังกัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีปราสาทพระวิหาร ขั้นตอนต่อไปศาลให้ท้ง 2 ฝ่ายยื่นหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับฝ่ายไทย เนื่องจากเป็นท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าศาลโลกกำลังเดินหน้าในการพิจารณาในส่วนของรายละเอียดคดีต่อไป โดยไม่คำนึงถึงอำนาจของศาลว่าจะสามารถวินิจฉัยได้หรือไม่

แม้ว่าภาพรวมการต่อสู้ของทีมทนายฝ่ายไทยในศาลโลกนั้นมีความคล้ายคลึงกับแนวทางที่ภาคประชาชนพยายามนำเสนอ แต่เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดจากทั้ง 2 ฝ่าย พบว่ายังมีความแตกต่างจากแนวทางของภาคประชาชนคือ การที่ฝ่ายไทยยังใช้เอ็มโอยู 2543 ในการยืนยันว่าเส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน ขณะที่กัมพูชาใช้เอ็มโอยู 2543 ยืนยันว่าการจัดทำหลักเขตแดนแล้วเสร็จตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพื่อยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จากเหตุนี้เมื่อฝ่ายไทยไม่ยืนยันเขตแดนของตัวเอง จึงไม่สามารถใช้ข้อสงวนสิทธิ์เมื่อปี 2505 ได้ และนำพาประเทศไปสู่ความสุ่มเสี่ยง โดยที่ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไรก็ได้

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า การที่ฝ่ายไทยขอให้ศาลวินิจฉัยอำนาจของศาล แต่ไม่ปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจศาลนั้น อาจทำให้ฝ่ายไทยต้องยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะเท่ากับว่าศาลมีสิทธิ์วินิจฉัยว่าศาลมีอำนาจหรือไม่ จึงถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ของฝ่ายไทย ทำให้เสียเปรียบเข้าไปสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่แขวนอยู่บนคำวินิจฉัยของศาลโลก ซึ่งหากเราถลำลึกไปมากกว่านี้ หมายความว่าการพิพากษาจะดำเนินการต่อหลังจากที่ศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวออกมา ก็เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะจะมีการตีความเพิ่มเติมคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 ทำให้ข้อพิพาทไม่จำกัดอยู่ที่ปราสาทพระวิหารอีกต่อไป แต่อาจบานปลายไปถึงพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงพื้นที่ทางทะเลอีกด้วย

"แม้ว่าฝ่ายไทยจะใช้เหตุผลที่ดีในการต่อสู้ในเวทีศาลโลก แต่การต่อสู้ที่ดีนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2505 ที่เรามั่นใจว่าชนะอย่างแน่นอน แต่ศาลโลกกลับตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม เล่นพรรคเล่นพวก ครั้งนี้เช่นกันเมื่อฝ่ายไทยไม่ปฏิเสธอำนาจศาลโลก ก็สุ่มเสี่ยงที่เราจะต้องพลาดพลั้งอีกครั้ง"

นายปานเทพ กล่าวว่า ตนได้สอบถามไปยัง ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ ท่านก็บอกว่า ยังไม่สายเกินไปที่ไทยจะถอนตัวออกมาจากกระบวนการของศาลโลก ขอให้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมา ดำเนินการให้เกิดความชัดเจนว่าประเทศไทยไม่รับอำนาจของศาลโลก ตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหารเป็นต้นมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ