นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เตือนผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนควบคุมดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการหาเสียงให้อยู่ในวงเงินคนละไม่เกิน 1.5 ล้านบาทตามที่ กกต.กำหนดไว้ หลังพบบางพื้นที่มีผู้สมัคร ส.ส.ติดป้ายหาเสียงถี่ผิดสังเกต
"ขณะนี้มีตัวอย่างในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดสงขลาและพัทลุงที่มีพรรคการเมืองหนึ่งติดป้ายติดกันถี่จนผิดสังเกต และจากการคำนวณคร่าวๆ ว่าน่าจะเกินวงเงิน 1.5 ล้านบาท และต้องดูว่าการแจ้งค่าใช้จ่ายของคนเหล่านี้แจ้งเท็จหรือไม่ เพราะป้ายแต่ละป้ายน่าจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อป้าย จึงจะต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ด้วย" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า หลังวันเลือกตั้ง 3 ก.ค.เสร็จสิ้น ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ทุกคน ไม่ว่าจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ต้องแจ้งบัญชีรายรับรายจ่ายต่อ กกต. โดยวงเงินค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ส.ส.แบบแบ่งเขตมีค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 1.5 ล้านบาท ส่วน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะคำนวณตามจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองส่งลงสมัครเฉลี่ยรายละ 1.5 ล้านบาท โดยสมุห์บัญชีทุกพรรคการเมืองจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากช่วงหลังมีการร้องเรียนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเป็นจำนวนมากใกล้เคียงกับการร้องเรียนเรื่องทุจริตซื้อเสียงขายเสียง และจากการตรวจสอบของ กกต.พบว่าการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายของบางพรรคการเมืองมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการทำบัญชีอยู่มาก หลายพรรคจัดทำแสดงรายรับรายจ่ายที่ไม่ตรงกับบัญชี และไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่กังวลว่าหากทำบัญชีไม่ถูกต้อง หรือสมุห์บัญชีรับรองผู้สมัคร ส.ส.ไม่ถูกต้อง ผู้สมัครคนนั้นก็จะต้องมีความผิดตามกฎหมาย
"ขอเตือนให้สมุห์บัญชีของทุกพรรครายงานค่าใช้จ่ายมาที่ กกต.ไม่เกิน 90 วันหลังวันเลือกตั้ง และหากไม่ปฏิบัติตามก็จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าทีโดยมิชอบได้ โดยทาง กกต.จะต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายให้ถูกต้อง ไม่ว่าผู้สมัครคนนั้นจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า การรายงานบัญชีรายรับ-รายจ่าย สมุห์บัญชีจะต้องรายงานตามความเป็นจริงซึ่งเป็นจรรยาบรรณของวิชาชีพ และตามกฎหมายทุกประการ และขอให้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด หากเห็นว่าไม่ถูกต้องขอให้บันทึกไว้ให้ชัดเจน หากมีปัญหาก็ขอให้หารือเข้ามาที่ กกต.เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
ส่วนกรณีป้ายรณรงค์โหวตโนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เจ้าหน้าที่ประจำสายด่วน กกต.1171 กล่าวว่า ป้ายดังกล่าวไม่ได้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นป้ายหาเสียง แต่ถือเป็นสื่อโฆษณาทั่วไป ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องไปขอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ถูกต้อง
"หากมีคนไปทำลายแล้วถูกจับได้จะไม่มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่เป็นความผิดเกี่ยวกับการทำลายทรัพย์สิน" เจ้าหน้าที่ กกต.กล่าว