ขุนคลัง แจงสภาฯ ปิดท้ายงบปี 69 ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่ม หนุนศก.โตแตะ 4%

ข่าวการเมือง Saturday May 31, 2025 17:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวชี้แจงปิดท้าย ก่อนการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยเห็นว่า การพิจารณางบประมาณในชั้นคณะกรรมาธิการฯ จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด และสามารถปรับลดงบประมาณได้ เพื่อจะได้จัดสรรงบให้ได้ผลทางเศรษฐกิจจริง ๆ

โดยได้สรุปสาระสำคัญของงบประมาณปี 69 ว่า ยอดรวมงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอีก 0.7% จากปีงบประมาณ 68 ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณแบบขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ โดยมีการรวมยอดการคืนหนี้สาธารณะประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ยอดขาดดุลจริงประมาณ 7.1 แสนล้านบาท หรือขาดดุลสุทธิเพียง 3.5% และในอนาคตการขาดดุลงบประมาณจะค่อย ๆ ลดลง

รมว.คลัง ชี้แจงว่า การจัดสรรงบประมาณปี 69 เป็นงบรายจ่ายประจำประมาณ 70% โดยรัฐบาลมีนโยบายจะควบคุมและใช้จ่ายงบประจำให้น้อยลง ลดความซ้ำซ้อน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนอีก 30% ที่เหลือได้นำไปคืนหนี้สาธารณะประมาณ 4% โดยมีงบลงทุนประมาณ 23% หรือประมาณ 8.64 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจประเทศ ประมาณ 19 ล้านล้านบาท ถือว่าน้อยมาก

นายพิชัย กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตขึ้นได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับภาคเอกชน และภาคประชาชนด้วย โดยปัจจุบัน มีการลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน รวมกันอยู่ประมาณ 24% ของจีดีพี จากในอดีตการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชนที่อยู่ประมาณ 50% ของจีดีพี สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีการขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เช่น ด้านพลังงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วน และทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นด้วย

ขณะที่ ภาครัฐจะต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ถนน ราง ท่าเรือ สนามบิน มียอดรวมประมาณ 2 แสนล้านบาท และการลงทุนในระบบน้ำ เพื่ออุปโภค บริโภค การเกษตรและอุตสาหกรรม มียอดรวมประมาณ 1.34 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบประมาณปี 69 รวมถึงการแก้กฏระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ

"การตั้งงบครั้งนี้ เพื่อจะมองไปในงบประมาณปีถัดไป เราตั้งเป้าหมายว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณเพื่อบริหารประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และภาคเอกชน กลับมาเข้ามาลงทุนไม่น้อยกว่า 30% เมื่อรวมกับภาครัฐแล้วตกอยู่ประมาณ 34-35%ถ้าทำแบบนี้ ผมเชื่อว่าขนาดเศรษฐกิจของเราเติบโตได้อีก 1.5% โดยประมาณ หรือขึ้นไประดับที่ 4.0-4.5% ได้ ซึ่งเป็นระดับที่ดีมาก" รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ

สำหรับงบประมาณปี 68 ในการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท รวมถึงงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น นายพิชัย กล่าวว่า จะได้มีการทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยในส่วนงบ 1.57 แสนล้านบาท มีคำขอรับงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ มากถึง 3 เท่าจากงบที่มีอยู่ ซึ่งคงต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะต้องการให้งบกระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดการสร้างงานได้จริง


  • "ศิริกัญญา" ซัดรัฐบาลจัดงบไม่ตอบโจทย์รับมือวิกฤตศก. ยันตรวจสอบต่อในชั้น กมธ.

โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้กล่าวสรุปปิดการอภิปรายเป็นคนสุดท้ายโดยมองว่า ปัญหาสงครามการค้าเชื่อว่าคงไม่จบง่าย ๆ เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของไทยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ คือ เศรษฐกิจอาจโตได้เพียง 1.3% และอาจเหลือแค่ 1% ในปี 2569 ซึ่งแม้ว่าสงครามการค้าในช่วงนั้นจะดีขึ้น แต่ไทยก็ต้องเจอกับพายุหมุนทางสภาวะเศรษฐกิจภายนอกเข้ามากระแทก ในขณะที่เศรษฐกิจภายในก็อ่อนแอ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ ตนเตือนให้รัฐบาลกลับไปจัดทำงบประมาณใหม่ แต่รัฐบาลอ้างว่าทำไม่ทัน ทั้งที่ในปี 2567 รื้อ 2 รอบ และปี 2568 รื้ออีก 2 รอบ เพื่อเบ่งงบประมาณมาทำโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แต่ปีนี้วิกฤตมารอตรงหน้า กลับไม่ทำ

"พอไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ต งานก็ไม่เดินเลย ซึ่งสภาฯ ก็ไม่มีสิทธิเพิ่มโครงการใหม่ หรือแก้ไขอะไรได้แล้ว แต่เมื่อดูในงบกลางที่ยืดหยุ่นมากที่สุด และมีงบฯ สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ แต่ปี 2569 มีวงเงิน 25,000 ล้านบาท ลดลงกว่าปี 2568 ที่มีวงเงิน 187,7000 ล้านบาท จึงไม่เข้าใจว่ายืดหยุ่นแบบไหน ถ้าไม่มีโครงการมารองรับ แต่เหมือนปล่อยผี ให้หน่วยงานโยกงบฯ ไปใช้ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่ ซึ่งงบประมาณแบบนี้จะทำให้สภาฯ ตรวจสอบไม่ได้" รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา มองว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คงมาแน่ในปี 2569 แต่รัฐบาลจะมีเงินแจกแค่ 25,000 ล้านบาท ดังนั้น คงต้องมาลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้โชคดี 2.5 คน

"ลุ้นยิ่งกว่าหวย ว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชน 16-20 ปี คนทำงานอายุ 21-25 ปี หรือจะเป็นคนใกล้เกษียณ 55-59 ปี แต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยืนยันให้แจกเลย ไม่งั้นได้ "นายกฯ เท้ง" แน่ แต่ถ้าแจกอย่างนี้ ต่อให้ใกล้เลือกตั้ง แจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังได้นายกฯ เท้งเหมือนเดิม" น.ส.ศิริกัญญา ระบุ

ทั้งนี้ สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดในงบฯ ปี 69 คือ รายจ่ายประจำ ที่รัฐบาลบอกว่ารายจ่ายประจำน้อยที่สุดในรอบ 18 ปี แต่ความจริงแล้วเป็นการตัดรายจ่ายประจำให้ต่ำกว่าความเป็นจริง งบชำระดอกเบี้ยขาดไป 65,000 ล้านบาท งบบำนาญ ขาดไป 51,000 ล้านบาท ตั้งงบฯค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ และในขณะที่กองทุนประชารัฐ ลดเหลือ 3 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีการตัดลดงบฯ บัตรคนจนหรือไม่ จึงเป็นการทำตัวเลขให้ดูดี ซึ่งทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว

"ในปี 2567 ต้องไปเอางบฯ คงคลังออกมาใช้จ่ายบำนาญ 42,000 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาล 24,000 ล้านบาท และเงินเดือนค่าราชการ 17,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 40,000 ล้านบาท รวมเป็น 120,000 ล้านบาท ปี 2569 จึงต้องตั้งงบฯ ชดเชย และปีนี้ก็ตั้งใจตั้งงบให้ไม่พอ เพื่อให้ตัวเลขดูดี จะทำไปเพื่ออะไร" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา มั่นใจว่า ร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้มาก แต่ฝ่ายค้านยืนยันว่าจะทำหน้าที่ต่อไป และตรวจสอบงบประมาณอย่างเต็มที่ ลด เลิก เลื่อนโครงการที่ไม่จำเป็น โครงการที่ไม่สำคัญ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ